วันพฤหัสบดีที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2562

รายวิชาศึกษาทั่วไป : ๐๐๓๕๐๐๑ หนึ่งหลักสูตรหนึ่งชุมชน ๒-๒๕๖๑ (๖) OPOC คณะสาธารณสุขศาสตร์

OPOC (One Program One Community) หรือ รายวิชาหนึ่งหลักสูตรหนึ่งชุมชนประจำปีการศึกษา ๒-๒๕๖๑ ได้กำหนดให้มีคณะกรรมการจากส่วนกลางร่วมไปสังเกตการณ์และ/หรือร่วมเป็นกรรมการพิจารณาคัดเลือกผลงาน เพื่อเป็นตัวแทนของคณะ ในฐานะผู้ประสานงานกลางของรายวิชา ผมพยามจัดเวลาเต็มที่เพื่อให้ได้เรียนรู้กับทุกคณะ ในบทบาทของกรรมการกลาง บันทึกนี้มีตัวอย่างผลงานนิสิจากคณะสาธารณสุขศาสตร์มาแลกเปลี่ยนครับ


วันที่ ๒ เมษายน ๒๕๖๒ คณะฯ ได้จัดเวทีคืนข้อมูลสู่ชุมชนไปแล้วครั้งหนึ่ง เสียดายที่ไม่ได้โอกาสไปร่วม วันที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๖๒ ที่อาจารย์ผู้ประสานงานคณะฯ ได้มอบหมายให้นิสิตมาแสดงผลงานที่ลานกลางของคณะอีกที จึงได้มีโอกาสมาชมผลงานของนิสิต


  • กลุ่มนี้ทำสิ่งประดิษฐ์กับดักแมลงสาบ 


  • กลุ่มนี้ใช้สมุนไพรไล่แมลงสาบ 


  • กลุ่มนี้ผลิตภัณฑ์ "ถุงสมุนไพร่ไล่ยุง" 


  • กลุ่มใช้ชื่อค่อนข้างเป็นวิชาการว่า "การควบคุมสัตว์และแมลงพาหะนำโรคด้วยวิธีการทางธรรมชาติ


  • กลุ่มนี้ทำเทียนหอมไขไล่ยุง


  • กลุ่มนี้พยายามแก้ไขเรื่องวินัยการใข้ถนน "นักเรียนวัยใส มีวินัยใส่ใจการข้ามถนน"




  • กลุ่มนี้สนใจเรื่องขยะ "คนสร้างขยะ ขยะสร้างมูลค่า"






    • กลุ่มนี้ทำน้ำหมักชีวภาพจากฟังข้าว เพื่อย่อยสลายฟางข้าว ตอนนำไปคืนชาวบ้าน จะกรอกไว้เป็นขวด ๆ ดังภาพล่าง 



    • นิสิตนำเสนอได้อย่างฉะฉาน นำตัวอย่างต่อฟางข้าวที่เปื่อยสลายมาให้ดู พร้อม ๆ กับเปรียบเทียบกับฟางข้าวที่ไม่ได้ใส่น้ำหมักนี้ซึ่งยังไม่เปื่อยเลย 
    • กลุ่มนี้มีผลงานดีโดดเด่น แต่เสียดายที่หัวเรื่องไม่ได้ตรงชัดว่าเอาองค์ความรู้อันใดของหลักสูตรไปใช้ แม้จะตอบเชื่อมโยงได้ชัดว่า เอาองค์ความรู้ของรายวิชาใดที่กำลังเรียนอยู่ไปใช้ ... คนส่วนใหญ่ที่ฟัง จะไม่เข้าใจว่า เกี่ยวกับสาธารณสุขศาสตร์อย่างไร น่าจะไปทางเทคโนโลยีการเกษตรมากกว่า 
    ผมสนใจทุกชิ้นงาน แต่สนใจที่สุดคือน้ำหมักชีวภาพย่อยสลายต่อซังข้าว เพราะตรงกับความต้องการและปัญหาของชาวนาที่สุด ปัญหาไม่ใช่ชาวบ้านไม่มีความรู้ ไม่ใช่ชาวบ้านทำน้ำหมักไม่เป็น แต่ปัญหาคือ ชาวนาไม่มีจังหวะ โอกาส และแรงบันดาลใจ หรือความกล้าเพียงพอ ที่จะลงลุยทำด้วยตนเอง  ...  ขอเก็บเรื่องนี้ไว้ในเป้าหมายการขับเคลื่อนสู่ชุมชนอย่างหนึ่ง โอกาสดีได้ลงลุย จะมาแลกเปลี่ยนอีกทีครับ 

    วันพฤหัสบดีที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2562

    รายวิชาศึกษาทั่วไป : ๐๐๓๕๐๐๑ หนึ่งหลักสูตรหนึ่งชุมชน ๒-๒๕๖๑ (๕) สรุปผลการบันทึกข้อมูลการก่อขยะของนิสิตที่ลงทะเบียนเรียน ปีการศึกษา ๒-๒๕๖๑

    ปีการศึกษา ๑-๒๕๖๑ มีนิสิตลงทะเบียนเรียนรายวิชาหนึ่งหลักสูตรกว่า ๗,๐๐๐ คน เรา (GE) ได้ขับเคลื่อนการปลูกฝังจิตสำนึกรับผิดชอบต่อสังคมด้วยการ กำหนดให้นิสิตทุกคนที่ลงทะเบียนฯ สังเกตและบันทึกปริมาณการก่อขยะของตนเอง แล้วกรอกข้อมูลลงในระบบบริหารจัดการขยะ (ผมเขียนไว้ที่นี่) บันทึก ขอสรุปภาพรวมเชิงตัวเลขของปริมาณการก่อขยะทั้งหมดที่นิสิตกรอกลงในระบบ ดังตารางด้านล่าง


    ข้อสังเกตที่น่าสนใจ

    • ถ้าพิจารณาเฉพาะวัสดุรีไซเคิล (พลาสติกและกระดาษเป็นหลัก) หากสามารถรวบรวมและนำไปขายได้ จะมีรายได้ในส่วนนี้ ไม่ต่ำกว่า ๕๐,๐๐๐ บาท  หากอ้างอิงตามราคารับซื้อของร้านวงษ์พาณิชย์ (ดาวน์โหลดที่นี่) ... หากสามารถรวบรวมไปขายได้จริงจะสามารถสร้างเป็นเงินกองทุนการศึกษา หรือนำมาจัดการบริหารเป็นค่าจ้างคนรวบรวม เป็นรายได้ระหว่างเรียนได้เลย โครงการธนาคารขยะอาจจะมีโอกาสเป็นไปได้ 
    • ขยะทั่วไปมีน้ำหนัก ๖๐ ตัน คิดเป็น ๒ เท่าของวัสดุอินทรีย์ซึ่งมีประมาณ ๓๐ ตัน (ประมาณ ๑ ลิตรเท่ากับ ๑ กิโลกรัม) ... สอดคล้องกับความจริงของชีวิตนิสิตนักศึกษา ที่อาศัยร้านอาหารมากกว่าทำอาหารกินเอง 
    • ขยะอันตรายและขยะติดเชื้อ มีจำนวนมาก เท่าที่ทราบยังไม่มีกระบวนการจัดเก็บและจัดการที่ชัดเจน ... น่าเป็นห่วงมาก 
    จากข้อมูลนี้ โครงการที่น่าจะทำต่อไป คือการนำเอาประสบการณ์แห่งความสำเร็จของโรงเรียนมัธยมศึกษามาต่อยอดคือ โครงการธนาคารขยะ หรือศูนย์บริหารจัดการขยะ ฯลฯ

    การดำเนินการระบบบริหารจัดการขยะภาคเรียนนี้  มีปัญหาการประสานงานและการสื่อสารพอสมควร มีนิสิตจำนวนมาก (และอาจารย์จำนวนไม่น้อย) ที่ไม่ได้สื่อสารไปยังนิสิต อย่างไรก็ดี ก็มีนิสิตมากกว่า ร้อยละ ๗๐ เข้าร่วมกับกิจกรรมครั้งนี้  ปีการศึกษาถัดไปต้องดีกว่านี้  ขอบันทึกข้อมูลไว้เพื่อการเปรียบเทียบดังตารางด้านล่าง 


    ข้อสังเกตที่น่าสนใจ

    • คณะเทคโนโลยี คณะพยายบาล คณะเภสัชศาสตร์ เหล่านี้ มีจำนวนนิสิตจำนวนสูงกว่าร้อยละ ๙๐ เข้าร่วม  ผมสังเกตว่าเป็นเพราะอาจารย์ผู้สอนท่านสนใจและเห็นด้วยกับการขับเคลื่อนนี้  
    • สำหรับนิสิตคณะเทคโนโลยี ผมได้มีโอกาสเป็นผู้สอนและได้ประสานด้วยตัวเองผ่านระบบ Line Square 
    เราจะขับเคลื่อนเรื่องนี้ต่อไปต่อเนื่องสัก ๓ ปี มีผลดี ได้ผล หรือไม่อย่างไร จะนำมาแลกเปลี่ยนเป็นระยะครับ  ขอจบด้วยตัวอย่างภาพการจัดการขยะของนิสิตในภาคเรียนที่แล้วที่อยู่ในระบบ





    วันศุกร์ที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2562

    ร่วมด้วยช่วยพัฒนาชุมชนต้นแบบ (๔) : เทศบาลตำบลท่าขอนยาง: (๔) การบริหารจัดการขยะ_๐๖: นิสิตสถาปัตย์ฯ คืนข้อมูลสู่ชุมชนและรับฟังความเห็น

    วันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๖๒  มีโอกาสไปร่วมชมนิทรรศการและการนำเสนอผลงานคืนสู่ชุมชน ของนิสิตคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ผังเมือง และนฤมิตศิลป์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ซึ่งจัดโดยเทศบาลตำบลท่าขอนยาง ณ บริเวณตลาดทางโค้งท่าขอนยาง ... เป้าหมายคือประชาชนคนที่เดินไปมา ได้รับทราบถึงความจริงจังในการดำเนินการเรื่องการจัดการขยะของเทศบาลฯ และนิสิตและอาจารย์เจ้าของผลงาน ได้รับผลสะท้อนเพื่อปรับปรุงแบบชิ้นงาน เพื่อนำไปเสนอสานต่อการแก้ปัญหาต่อไป

    ท่านนายกเทศมนตรีตำบลท่าขอนยาง และทีมงานคีย์แมนของท่านไปร่วมงานกันอย่างพร้อมเพรียง มีคณบดีคณะสถาปัตย์ อาจารย์นักวิจัยทั้งสองท่าน นิสิตเจ้าของผลงาน มีตัวแทนชุมชนและคนจากสื่อมวลชนมาทำข่าว












    ผมพิจารณาว่า งานนี้ทุกท่านต้องการที่จะสื่อสารกับสาธารณะอยู่แล้ว จึงขอบันไลฟ์เฟสของตนเอง อีกเหตุผลหนึ่งคือ ต้องการจะประหยัดแมมมอรี่มือถือด้วย

    ขอนำมาวางไว้ในบันทึกนี้อีกทีเพื่อการสืบค้นในภายหน้า



    สรุปสั้นว่า นี่คืออีกก้าวหนึ่งของการขับเคลื่อนร่วมกัน ช่วยกันด้วยใจ จริงใจ ค่อย ๆ ไป ตามจังหวะ โอกาส และบทบาท ที่มี 

    วันพฤหัสบดีที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2562

    ร่วมด้วยช่วยพัฒนาชุมชนต้นแบบ (๓) : เทศบาลตำบลท่าขอนยาง: (๓) การบริหารจัดการขยะ_๐๕: ผลการสำรวจปริมาณการก่อขยะ

    วันที่ ๘ มีนาคม ๒๕๖๒ (ว่าที่) คณะอนุกรรมการบริหารจัดการขยะของเทศบาลตำบลท่าขอนยาง มาประชุมกันตามแผนที่ได้นัดหมายไว้ (ตามบันทึกที่แล้ว)

    ท่านนายกเทศมนตรีฯ ลงมาเป็นประธานที่ประชุมขับเคลื่อนด้วยตนเองอีกเช่นเดิมครับ ผอ.สุดา ผู้อำนวยการกองสาธารณสุข และดร.ศศิธร รองปลัดเทศบาล เป็นฝ่ายเลขาฯ  มีทีมอาจารย์จากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ดร.ธนายุทธ อ.เมทินี และ อ.ประสิทธิ์   วาระที่สำคัญคือ  การชี้แจงผลการสำรวจเบื้องต้น และการร่วมกันออกแบบและวางแผนกิจกรรมกระบวนการต่อไป



    ผลการสำรวจปริมาณการก่อขยะ

    บริเวณพื้นที่ที่สำรวจคือ  Zone 3  รอบบริเวณถนนเส้นหน้าป้ายมหาวิทยาลัยฝั่ง บ.ดอนยม  (ดูภาพ) ผู้เก็บข้อมูลเป็นนิสิต กลุ่มการเรียนที่ ๑, ๓, และ ๔ ของรายวิชาภาวะผู้นำ ประจำปีการศึกษา ๒-๒๕๖๑  ด้วยแบบสอบถามที่จัดทำโดยทีมนักวิจัยจากคณะสถาปัตย์ฯ  โดยการสัมภาษร์แบบเคาะประตูบ้าน ... ตามที่ได้เล่าไว้ในบันทึกที่ผ่านมา


    รายละเอียดของผลการทดสอบ น่าจะถูกตีพิมพ์เผยแพร่ต่อไปโดยทีมนักวิจัยจากคณะสถาปัตย์ฯ  บันทึกนี้ขอเอามาเล่าบอกไว้เฉพาะส่วนเด่น ๆ ของข้อมูลที่เราพบ ดังนี้

    • มีผู้ให้ข้อมูลทั้งหมด 405 แบบสอบถาม  หมายถึง มีเจ้าของที่อยู่อาศัย กิจการ ร้านค้า  หอพัก ฯลฯ จำนวน 405  หน่วยในการก่อขยะ ....  (หอพัก ๑ แห่ง สำรวจด้วยแบบสอบถาม ๑ ฉบับ)
    • ในจำนวน 405 หน่วยนี้  แบ่งเป็นประเภทได้ดังนี้ 
      • บ้านพักอาศัย 88 หลัง (ไม่รวมบ้านจัดสรร)
      • อาคารพาณิชย์ 84 หลัง
      • บ้านเช่า 72  หลัง
      • บ้านจัดสรร 61 หลัง
      • โรงแรม 4 แห่ง รวมทั้งหมด 384 ห้อง
      • หอพัก 75 แห่ง รวมทั้งหมด 3,106 ห้อง 
      • อื่น ๆ 21 หลัง
    • ในจำนวน 405 หน่วยนี้ แยกตามลักษณะการใช้ประโยชน์ ได้ดังนี้ 
      • ที่อยู่อาศัย 301 หน่วย  (หอพักรวมอยู่ในกลุ่มนี้)
      • ร้านสะดวกซื้อ 18 ร้าน
      • ร้านอาหาร 47 ร้าน
      • สถานบันเทิง 2 แห่ง
      • ร้านซ่อม 11 แห่ง
      • อื่น ๆ 26 หน่วย 
    • มีจำนวนผู้อยู่อาศัยโดยประมาณ 6,049 คน ในจำนวนนี้  เป็นประชากรหลัก (มีทะเบียนราษฎร์) เพียง 616  แสดงว่า เกือบ 5,400 คน เป็นประชากรแฝง ซึ่งส่วนใหญ่ก็น่าจะเป็นนิสิต 
    • ในจำนวน 405 หน่วย ไม่มีการคัดแยกขยะเลย จำนวน 226 หน่วย  ส่วนที่เหลือมีการคัดแยก แตกต่างกัน  (ยังไม่ได้แสดงรายละเอียดตามประเภทใช้ประโยชน์ และจัดกลุ่มตามระดับการคัดแยก)
    • กลุ่มที่ไม่มีการคัดแยกขยะ 226 หน่วยนั้น ทิ้งขยะวันละ 827 ถุงดำ (น่าจะขนาดมาตรฐาน 20x32 ตารางนิ้ว)
    • ในกลุ่มที่มีการคัดแยกขยะ พบปริมาณการก่อขยะ ดังนี้ 
      • แยกขยะเปียก 112 หน่วย  มีขยะ 790 กิโลกรัมต่อวัน
      • แยกขยะรีไซเคิล 133 หน่วย ก่อขยะรีไซเคิล 545 กิโลกรัมต่อวัน
      • แยกขยะทั่วไป 108 หน่วย ก่อขยะ 530 กิโลกรัมต่อวัน
      • แยกขยะอันตราย 42 หน่วย  ก่อขยะ 100 กิโลกรัมต่อวัน
      • แยกขยะติดเชื้อ 20 หน่วย  .... ไม่ระบุ...
    โดยสรุป ปริมาณการก่อขยะใน Zone 3 ต่อวัน ประมาณทั้งหมด 827 ถุงดำ และ 1,964 กิโลกรัม ถ้าคิดคร่าว ๆ  ขยะหนักถุงละ ๑๐ กิโลกรัม จะรวมขยะต่อวันในโซนนี้ประมาณ ๑๐ ตัน 

    การเก็บขนขยะ
    • ในจำนวน 405 หน่วยนี้   
      • รวบรวมขยะไว้ ให้รถเข้ามาเก็บขน 161 หน่วย (ต้องการทราบต่อไปว่า มีที่ใดบ้าง)
      • ขนไปทิ้งตามจุดที่ทิ้งขยะ 228 หน่วย 
      • อื่น ๆ 16 หน่วย 
    • 172 หน่วย คิดเป็น 42% ต้องการให้มาเก็บขนทุกวันตามจุดที่ตนเองเอาไปวางไว้ 
    • เกือบทั้งหมด (90%) ต้องการให้เทศบาลมาเก็บช่วงเช้า 
      • 228 หน่วย หรือ 56% ต้องการให้มาเก็บช่วง 05.00 น. - 07.00 น. 
    • แต่เมื่อถามว่ ยินดีจะเสียค่าธรรมเนียมในการเก็บขนขยะหรือไม่ 
      • 327 หน่วย หรือ 81%  ตอบว่า ไม่ยินดี 
      • 78 หน่วย ที่เหลือ บอกว่า ยินดีแต่ต้องพิจารณาจัดเก็บอย่างเหมาะสม และเมื่อถามถึงค่าเฉลี่ยที่เหมาะสม ได้คำตอบที่แตกต่างกันมาก (SD 140) โดยค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 77 บาทต่อเดือน 
    แนวทางการดำเนินการต่อไป 

    จากการหารือกันในที่ประชุม สรุปคร่าว ๆ ได้ดังนี้ 
    • จะนำข้อมูลที่มีไปวิเคราะห์แยกประเภทตามลักษณะการใช้ประโยชน์ให้ละเอียดขึ้น โดยเน้นไปที่ หอพัก ร้านอาหาร และสถานที่ที่ ก่อขยะมากที่สุด 




    • น้ำข้อมูลไป Mapping ตามความหนาแน่นของปริมาณการก่อขยะ และจุดที่พบการทิ้งขยะ เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการออกแบบต่อไป 
    • ออกแบบ ตำแหน่ง เส้นทางการเก็บขน และถังขยะ ณ จุดพักขยะ (อาจเป็นจุดพักขยะเคลื่อนที่) ซึ่งส่วนนี้  ได้มอบหมายให้นิสิตคณะสถาปัตย์ ได้ทดลองออกแบบเบื้องต้นแล้ว 
    • นำเสนอผลงานการออกแบบ คืนข้อมูลสู่ชุมชน เพื่อรับฟังความคิดเห็น  และนำไปปรับตามที่เหมาะสม  
    • นำเสนอต่อที่ประชุมสภาเทศบาลฯ เพื่อดำเนินการต่อไป 
    • ประชาสัมพันธ์และสร้างการรับรู้ต่อประชาชนและเริ่มกระบวนการ  
    • ประเมินผล
    เราตกลงว่า วันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๖๒ นี้ จะมีการจัดเวทีนำเสนอผลงาน เพื่อนำข้อมูลคืนสู่ชุมชน ณ บริเวณ ตลาดทางโค้ง เทศบาลตำบลท่าขอนยาง  ....  ผมไปร่วมงานมาแล้วครับ จะมาเขียนเล่าให้ฟังในบันทึกต่อไป 



    วันจันทร์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2562

    ร่วมด้วยช่วยพัฒนาชุมชนต้นแบบ (๒) : เทศบาลตำบลท่าขอนยาง: (๒) การบริหารจัดการขยะ_๐๓: สำรวจข้อมูลปริมาณการก่อขยะ

    วันที่ ๑ - ๖ มีนาคม ๒๕๖๒ คือช่วงเวลาที่นิสิตกว่า ๓๐๐ คน ผู้ลงทะเบียนเรียนรายวิชา ๐๐๓๖๐๐๖ ภาวะผู้นำ ลงพื้นที่สำรวจปัญหาในชุมชนเทศบาลตำบลท่าขอนยาง เพื่อเก็บข้อมูลการก่อขยะตามแบบสอบถามที่ได้ร่วมกันพิจารณาในที่ประชุมวันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมาอีกครั้งหนึ่ง  ...  ขอสรุปเป้าหมาย สื่อสานวิธีการและขอบเขตในการสำรวจ และอธิบายวิธีการประเมินผลการร่วมมือของนิสิต ให้นิสิตทุกคนได้ทราบชัด ๆ และเป็นประโยชน์ต่อไปในการเรียนรู้แก้ปัญหาร่วมกันระหว่างมหาวิทยาลัยและเทศบาลฯ

    เป้าหมายของการสำรวจปัญหา

    เป้าหมายในการลงพื้นที่สำรวจ
    • ได้ข้อมูลพื้นฐานอันเป็นปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการก่อปริมาณขยะในพื้นที่ที่กำหนด เช่น 
      • จำนวนผู้อยู่อาศัย ทั้งประชากรหลักและประชากรแฝง
    • ได้ข้อมูลสภาพปัญหาและการบริหารจัดการขยะของแต่ละครัวเรือน
      • จำนวนของร้านค้า ร้านอาหาร หอพัก ร้านซ่อม ร้านประกอบการต่าง ๆ  ที่อาจเป็นแหล่งก่อขยะในพื้นที่ที่กำหนด 
      • สภาพปัญหาในการบริการจัดการขยะของคนในพื้นที่ที่กำหนด
    • ความเห็นและข้อเสนอแนะต่อการการพัฒนาระบบบริหารจัดการขยะต่อเทศบาลตำบลท่าขอนยาง 
    ขอบเขตของการสำรวจ (พื้นที่แรก)

    ตามที่ได้วางพื้นที่ไว้ แบ่งเป็น ๓ โซน เป้าหมายครั้งนี้เป็นพื้นที่โซนที่ ๓  ดังรูป 





    แบ่งเป็นพื้นที่ทั้งหมด ๒๙ พื้นที่ย่อย สำหรับนิสิตประมาณ ๓๐ กลุ่ม (บางพื้นที่ ๒ กลุ่มย่อยแบ่งกันครึ่ง ๆ) นิสิตแต่ละกลุ่มมีสมาชิกประมาณ ๘ คน  เฉลี่ยภาระงานการสำรวจคนละประมาณไม่เกิน ๑๐ หลังคาเรือน  โดยกำหนดช่วงเวลาในการลงสำรวจ ๖ วัน ตั้งแต่วันที่ ๑ มีนาคม - ๖ มีนาคม ๒๕๖๒ นี้ 

    แต่ละกลุ่มย่อยจะได้รับแผนที่ภาพรวมแบบนี้ ๑ ฉบับ และแผนที่ย่อยเฉพาะพื้นที่รับผิดชอบของตนเอง ๑ ฉบับ ตัวอย่างเช่นภาพด้านล่าง 



    วิธีการสำรวจ

    วิธีการสำรวจ เป็นการสำรวจด้วยการสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้าง (constructed interview) โดยบันทึกข้อมูลลงในแบบสอบถามที่เตรียมให้ (ดูตัวอย่างแบบสอบถามที่นี่)  ดังนี้ 
    • ให้ระบุหมายเลขสิ่งปลูกสร้างลงในแผนที่  หากแผนที่เล็กเกินไป ให้วาดใส่กระดาษใหม่ ขยายขนาดใหญ่ขึ้น แล้วเขียนตัวเลขกำกับให้ชัดเจน 
      • ที่อยู่อาศัย ๑ หมายเลข ต่อ ๑ หลัง 
      • หอพัก ๑ หมายเลข ต่อ ๑ ชื่อหอพัก (ให้เขียนชื่อหอพักในแบบสอบถามด้วย) แม้จะมีหลายอาคารก็ให้เขียนเพียงหมายเลขเดียว 
      • อาคารพาณิชย์  ๑ หมายเลข ต่อ ๑ เจ้าของ หรือผู้ประกอบการ 
      • ร้านอาหาร หรือร้านค้า  ๑ หมายเลข ต่อ ๑ ชื่อ (หากมีชือร้าน ให้เติมชื่อร้านด้วย)
    • ให้เติม "รหัสแบบสอบถาม" เป็น ชื่อ พื้นที่ต่อด้วยหมายเลขบ้านที่กำหนดขึ้น โดยใช้เลขสองหลัก เช่น   
      • ถ้าเป็นพื้นที่  A5 หลังที่ 3   รหัสแบบสอบถามจะเป็น A0503
      • ถ้าเป็นพื้นที่ A10 หลังที่ 14 รหัสแบบสอบถามจะเป็น A1014
      • กรณีที่พื้นที่เดียวแบ่งเป็นสองส่วน เช่น A5.1 และ A5.2 ให้เติมจุดด้วยเลย เช่น A05.103  A05.203 ฯลฯ
      • เป็นต้น
    • การลงพื้นที่สำรวจ
      • ใส่ชุดสุภาพหรือชุดนิสิต สวมร้องเท้าผ้าใบ 
      • ให้ลงพื้นที่สำรวจช่วงเช้าหรือช่วงเย็น ห้ามไปในเวลามืดค่ำ 
      • แสดงอาการที่นอบน้อม ใช้ภาษาสุภาพ ใช้ได้ทั้งภาษากลางหรือภาษาถิ่น  
      • เริ่มด้วยการแนะนำตัวเองว่า  ...เป็นนิสิตสาขาวิชา คณะอะไร กำลังเรียนวิชาอะไร  ซึ่งได้มอบหมายให้มาสำรวจปริมาณขยะที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน  เพื่อนำไปใช้เป็นข้อมูลในการออกแบบตำแหน่งการทำที่พักขยะชั่วคราว และกำหนดเส้นทางการเก็บขนขยะ...
      • ถามว่า หากจะรบกวนขอสัมภาษณ์เพื่อ จะพอได้ไหมครับ(คะ) หากยังไม่สะดวก ให้ถามว่า ผม(หนู) ควรจะมาช่วงเวลาใดดีครับ(คะ)  ข้อมูลที่ได้จะไม่ส่งผลต่อท่าน เป็นข้อมูลที่นำไปประกอบการออกแบบ 
      • หลังสัมภาษณ์อย่างลืมขอบคุณนะครับ 
      • อย่าลืมขอถ่ายภาพบ้าน  และสถานที่บริหารจัดการขยะ (ถ้ามี) เพื่อนำไปเป็นตัวอย่าง (หากเขายินดี)
    • นิสิตสามารถกรอกข้อมูลลงในแบบสอบถามก่อน แล้วค่อยมากรอกลงใน Google Form ที่ https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLSfh_v2DeZ0VBGgjOS4_S2-oTRA5VryGCcRUvah6ylKuK3zRow/viewform
    • หรือจะสัมภาษณ์และกรอกลงใน Google Form โดยตรงได้เลย  
    ข้อมูลและชิ้นงาน

    • ข้อมูลใน Google Form ในพื้นที่ที่รับผิดชอบ  พร้อมกับแบบสอบถาม (กรณีกรอกลงแบบสอบถามก่อน)
    • แผนที่แสดงหมายเลขสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งอาจวาดขึ้นใหม่ (ในกรณีที่แผนที่เล็กเกินไป) พร้อมรายละเอียด (หมายเหตุ) เพิ่มเติม กรณีที่ไม่มีการใช้ประโยชน์หรือไม่มีผู้อยู่อาศัย 
    • ภาพถ่ายแต่ละหลัง (อัพโหลดลงใน google form เลย ตามข้อที่กำหนด) โดยต้องตั้งชื่อตามวิธีที่กำหนด
    • ภาพถ่ายการลงพื้นที่ และรายชื่อผู้ลงพื้นที่ 

    คำถามที่พบบ่อย
    • ถ้าไม่มีคนอยู่บ้าน ให้ข้ามเลยไหม?  ....   จำเป็นต้องได้ข้อมูลทุกบ้านที่มีผู้อยู่อาศัยครับ เพราะ คนคือผู้ก่อขยะ  จำนวนคนที่อาศัยในสิ่งก่อสร้างคือข้อมูลสำคัญ 
    • ถ้ากำลังก่อสร้าง ไม่มีผู้อยู่อาศัย ให้กรอกข้อมูลอย่างไร..... ไม่ต้องกรองในแบบสอบถาม  ให้เขียนสรุปรายละเอียดของหลังนั้นไว้ว่า หลังหมายเลขใด  มีลักษณะอย่างไร และระบุว่าสภาพไว้พอสังเขป เช่น  กำลังก่อสร้าง ปิดป้ายประกาศขาย เป็นต้น 
    ขอขอบคุณและอนุโมทนากับนิสิตทุกคนครับ เรากำลังเดินทางสู่ชุมชนต้นแบบการจัดการขยะรอบ ๆ มหาวิทยาลัย ... ไปด้วยกันครับ 






    วันพฤหัสบดีที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

    รายวิชาศึกษาทั่วไป : ๐๐๓๕๐๐๑ หนึ่งหลักสูตรหนึ่งชุมชน ๒-๒๕๖๑ (๔) หลักสูตรเทคโนโลยีสิ่งแวดล้อมจัดโครงการผสาน "บวร" บริหารจัดการขยะ อบต.หนองแสง

    วันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ หลักสูตรเทคโนโลยีสิ่งแวดล้อม คณะการจัดการสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์ นิสิต+อาจารย์ร่วม ๑๐๐ คน เข้าพื้นที่บริการชุมชนบ้านโพธิ์กลาง อบต.หนองแสง อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม เป็นการคืนข้อมูลการศึกษาการบริหารจัดการขยะสู่ชุมชน ภายใต้ชื่อโครงการ "ผสานต้นทุนสังคมวัฒนธรรม บ้าน-วัด-โรงเรียน (บวร) เพื่อส่งเสริมกระบวนการจัดการขยะมูลฝอยและของเสียอันตรายจากชุมชน"

    ผู้มาร่วม

    สมาชิกที่มาร่วมกิจกรรมวันดีนี้ มีคร่าว ๆ ดังนี้ ...  อาจมีมากกว่านี้หากสังเกตแบบครบกระบวการ (ผู้สนใจอาจติดตามรายงานโครงการจาก ผศ.ดร.อภิพงษ์ พุฒคำ หัวหน้าโปรเจ็คได้ครับ)
    • ท่านเจ้าอาวาสวัดบางโพธิ์ 
    • สาธารณสุขจังหวัดมหาสารคาม
    • สิ่งแวดล้อมจังหวัด สำนักงานทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมจังหวัดมหาสารคาม (ทสจ.มหาสารคาม)
    • นายก อบต.หนองแสง  ผอ.กองการสาธารณสุข และทีม
    • ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน อสม. (อาสาพัฒนาหมู่บ้าน)
    • คุณพ่อกัมปนาท ศรีสุนทร ข้าราชการบำนาญ ปราชญ์ชาวบ้านผู้เป็นที่พึ่ง 
    • ชาวบ้านกว่า ๑๐๐ คน
    • คณาจารย์จากสาขาวิชา จำนวน ๕-๖ ท่าน 
    • นิสิตกว่า ๑๐๐ คน 
    เป็นเวทีคืนข้อมูลสู่ชุมชนและขับเคลื่อนที่มีพลังมาก ๆ  เวทีหนึ่งครับ ... เสียดายที่ผมต้องเดินทางไปร่วมค่ายชมรมตามรอยเท้าพ่อต่อจากนั้น จึงไม่ได้อยู่เรียนรู้ร่วมด้วยตลอดงาน 

    กระบวนการ

    การบูรณาการกระบวนการศึกษาเพื่อพัฒนาชุมชน ทั้ง ๖ ขั้นตอน ได้แก่ ศึกษา วิเคราะห์ปัญหาความต้องการ วางแผนและจัดทำโครงการ ดำเนินโครงการ และ คืนข้อมูลสู่ชุมชน เป็นรูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ต้นแบบหนึ่งได้เลย ภายใต้ข้อจำกัดเรื่องงบประมาณ ระยะทางห่างไกลมหาวิทยาลัยกว่า ๔๐ กิโลเมตร และวัตถุประสงค์จะให้นิสิตทุกคนได้มีประสบการณ์ลงพื้นที่ชุมชนด้วย

    มีการลงพื้นที่สำรวจข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูล สังเคราะห์ข้อมูลล่วงหน้า แล้วนำผลสรุปต่าง ๆ มานำเสนอในวันงาน ทำให้ได้ความรู้ที่สดใหม่ ใกล้ตัว

    นอกจากการคืนข้อมูลแล้ว ยังมีผู้รู้ปราชญ์ชาวบ้านมาถ่ายทอดประสบการณ์ มีกิจกรรมฐานการเรียนรู้ ๔ ฐาน ได้แก่

    • 3Rs  (๓ช. คือ ใช้น้อย ใช้ซ้ำ นำกลับมา ใช้ใหม่(รีไซเคิล))
    • ของเสียอันตราย
    • ปุ๋ยมูลไส้เดือน
    • การแยกพลาสติกขาย 

    มีการแสดงการเซิ้งขยะอีสานสามัคคี การเปิดตลาดซื้อขายวัสดุรีไซเคิล จัดทำโรงแยกขยะ และมีพิธีเปิดผ้าคลุมป้าย เปิดใช้อย่างเป็นทางการด้วย


    ความรู้เรื่องการคัดแยกขยะ 

    ความรู้จาก คุณอรสา แก้วพา  หัวหน้าฝ่ายส่งเสริมสุขภาพ รักษาการ ผอ.กองการสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม อบต.หนองแสง

    • การบริหารจัดการขยะเป็นหน้าที่โดยตรงของ อบต. โดยกองการสาธารณสุขฯ ของ อบต. 
    • ตอนนี้ อบต. หนองแสงมี ๒๘ หมู่บ้าน 
    • การจัดการขยะแบ่งตามลักษณะพื้นที่ได้ ๒ รูปแบบ คือ 
      • พื้นที่กึ่งเมือง ได้แก่ พื้นที่ที่รอยต่อติดกับเทศบาลอำเภอวาปี  ๑๑ หมู่บ้าน  จะมีรถเก็บขนขยะจาก อบต. ไปกำจัดที่บ่อขยะหนองปลิง 
      • พื้นที่ชนบท ในที่นี่้ก็คือ อบต.หนองแสง ๑๗ หมู่บ้าน  ไม่มีการเก็บขนขยะ ใช้วิธีการส่งเสริม รณรงค์ ให้คนในชุมชนบริหารจัดการขยะเอง โดยมีกิจกรรมต่าง ๆ จาก อบต. อย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี ๒๕๕๖ จนถึงปัจจุบัน 
    • ตอนนี้มีหมู่บ้านต้นแบบในการจัดการขยะด้วยตนเองแล้ว ๒ หมู่บ้าน มีกองทุนจัดการขยะแล้ว ๗ กองทุน มีการรับซื้อขยะรีไซเคิลไปขายอย่างเป็นระบบ 
    • หมู่บ้านต้นแบบการจัดการขยะคือ หมู่ที่ ๑๘ หมู่บ้านหนองคุไชย และหมู่ที่ ๑๙ บ้านไชยทอง ได้รับรางวัลรองชนะเลิศการบริหารจัดการขยะของจังหวัด ประจำปี ๒๕๖๐
    • หมู่ที่ ๒๐ บ้านโพธิ์ ที่เป็นเป้าหมายของหลักสูตรฯ นี้  ยังไม่ได้เป็นเป้าหมายของโครงการ/กิจกรรม จาก อบต. จึงเป็นการดีที่จะได้ขยายงานต่อไป 
    ความรุ้จากสิ่งแวดล้อมจังหวัดมหาสารคาม
    • นโยบายของจังหวัดคือ ให้จัดการขยะในครัวเรือนของตนเองก่อน อะไรที่จัดการในครัวเรือนไม่ได้ ค่อยเป็นหน้าที่ของหน่วยงานรัฐเก็บขนและกำจัดต่อไป 
    • ปัญหาขยะที่สำคัญของชุมชนชนบท คือ ขยะมีพิษหรือขยะอันตราย และขยะติดเชื้อ
    • หากชุมชนต้องการการสนับสนุน ส่งเสริมใด ๆ  สามารถเขียนโครงการเสนอไปยังสิ่งแวดล้อมจังหวัดได้ 
    ความรู้จากนักวิชาการ คณาจารย์มหาวิทยาลัย 
    • ใครมีหน้าที่ต้องจัดการขยะและของเสียอันตราย   ....   คำตอบ คือ  คนที่ก่อขยะและของเสียอันตราย ... หรือก็คือทุกคนนั่นเอง 
    • จากการสำรวจข้อมูลในชุมชน พบว่า คนส่วนใหญ่ตอบว่า "ชาวบ้าน"
    • (ท่านอาจารย์โต๋งให้ดูคลิปนี้ครับ)
    • การประเมินการพัฒนาด้านการจัดการขยะของครัวเรือน อาจแบ่งเป็น ๕ ระดับ  ... ทางหลักสูตรได้มอบหมายให้นิสิตลงพื้นที่ชุมชนเข้าสัมภาษณ์ แลประเมินให้กำลังใจด้วยการมอบ "ดาว" ตามระดับคุณภาพ เป็น ๕ ระดับ ดังนี้ 
      • มีการแยกวัสดุรีไซเคิล ให้ ๑ ดาว 
      • มีการแยกวัสดุอินทรีย์ เศษอาหาร หรือขยะเปียก ให้ ๑ ดาว
      • มีการแยกขยะทั่วไป ให้อีก ๑ ดาว 
      • มีการแยกขยะมีพิษหรืออันตราย ให้อีก ๑ ดาว 
      • มีวิถีชีวิตลดใช้พลาสติก ให้ ๑ ดาว  ....  แบบนี้ให้ ๕ ดาว 
    • ผลการสำรวจพบว่า กว่าร้อยละ ๘๐ ของกลุ่มตัวอย่าง  ได้ ๔ ดาว 
    • ผลสำรวจพบว่า 
      • ชาวบ้านกว่าร้อยละ ๙๐ บอกว่า เศษแก้วเป็นของเสียอันตราย  ...ซึ่งไม่ใช่ 
      • ชาวบ้านเข้าใจว่า หลอดไฟต้องทุบก่อนทิ้ง  ... เข้าใจผิด นำไปทิ้งเลย 
      • ชาวบ้านเข้าใจว่า รางหลอดไฟก็เป็นของเสียอันตราย ... เข้าใจผิด รางหลอดไฟไม่ใช่ของเสียอันตราย 
      • ชาวบ้านเกือบทั้งหมดเข้าใจว่า ภาชนะของของเสียอันตราย ต้องล้างก่อนนำไปทิ้ง ... ซึ่งเข้าใจผิด ห้ามล้างเด็ดขาด 
    • ของเสียอันตราย  คืออะไร มีอะไรบ้าง จะจัดการอย่างไร  
      • เศษแก้วเป็นของเสียอันตรายหรือไม่?  ....  ชาวบ้านกว่าร้อยละ ๙๐ บอกว่าเป็น แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่  (ชาวบ้านเข้าใจผิดเกือบหมด)
      • ของเสียอันตราย โดยทั่วไปทางราชการจะจัดเก็บคัดแยกด้วยถังสีส้ม 
      • ของเสียอันตรายได้แก่  สิ่งที่เป็นอันตราย สารเคมี และภาชนะที่บรรจุของเสียอันตรายเหล่านั้น 
      • ของเสียอันตรายแบ่งเป็น ๓ ประเภท ได้แก่ 
        • กลุ่มถ่ายไฟฉายและแบตเตอรี่แห้ง ....  ให้นำไปทิ้งในถังส้ม (หรือถังแดง)
        • กลุ่มหลอดไฟ หลอดฟลูออเรสเซนท์ สารเคมีเปียก... เพราะมีสารเคมีอันตรายอยู่ภายใน
        • ยาปราบศัตรูพืช ... ห้ามล้าง ให้นำไปทิ้ง 
      • วิธีการดูว่าอันตรายหรือไม่ ให้ดูที่ข้างกล่อง ว่ามีสัญลักษณ์เหล่านี้อยู่หรือไม่  รูปไฟ รูปหัวกะโหลก รูปฟอง ฯลฯ

    สารไวไฟ ติดไฟ

    สารอันตราย ยาปราบศัตรูพืช สารพิษ

    สารเคมีอันตราย 
    • ขยะทั่วไป ... จากการสำรวจชาวบ้าน 
      • ส่วนใหญ่ใช้วิธีการเผา ประมาณร้อยละ ๖๐ ที่เหลือใช้วิธีการฝังกลบและนำไปทิ้งที่อื่น  ซึ่งยังไม่ค่อยถูกหลักนัก 
      • การเผาจะทำให้เกิดสารพิษ ไม่ควรเผาเลย  
      • ควรจะลดปริมาณให้มากที่สุด ลดการใช้ถุงพลาสติก ให้ใช้ตะกร้าแทน ใช้ปินโตแทน ใช้ขวดน้ำไว้เติมได้ 
      • ตอนมีการจัดงาน งานบุญ งานทาน งานต่าง ๆ ในสถานที่ราชการ บ้าน วัด โรงเรียน ให้รณรงค์ อย่างจริงจัง ทั้ง "บ้าน วัด โรงเรียน"
      • ถ้ามีขยะแล้ว ไม่ต้องเผา และไม่ต้องฝัง แต่นำมาแยกล้างให้สะอาด ผึ่งให้แห้ง  แล้วนำไปขายได้ทั้งหมด 
      • (อ.โต๋ง ให้ดูคลิปเครื่องล้างขยะพลาสติก)

      • ส่วนคลิปด้านล่างนี้ คือ การวิจัยของ อาจารย์ที่ มทส. ในการเปลี่ยนขยะพลาสติกเป็นน้ำมัน ...สนใจเชิญดูครับ 


    ความรู้จากพ่อปราชญ์ประจำหมู่บ้านและท่านเจ้าอาวาส
    • บ้านวัดโรงเรียนต้องมีส่วนร่วมด้วยช่วยกัน
    • ท่านบอกว่าความสำเร็จเกิดได้ด้วยความร่วมมือ 
    • หมู่บ้านนี้ถือเป็นหมู่บ้านนักปราชญ์ มีครูกว่า ๘๐ คน ที่เป็นลูกหลานจากหมู่บ้านนี้ จากที่มีเพียงแค่ ๒๐๐ กว่าหลังคาเรือน  น่าจะเป็นหมุ่บ้านที่มีลูกหลานไปเป็นครูมากที่สุดในจังหวัด 
    • ดังนี้จึงได้รับความร่วมมือกับชุมชนอย่างเข้มแข็ง ร่วมพลังในการทำผ้าป่าสามัคคีทีใดก็ได้รับความร่วมมือร่วมใจกันเต็มที่ 
    แนวปฎิบัติของชุมชนที่น่าเรียนรู้

    • มีการจุดธูปเทียน กราบไหว้ สวดมนต์ บูชาพระรัตนตรัยก่อน เริ่มพิธิี
    • เริ่มกล่าวแนะนำประธานฝ่ายสงฆ์ หรือ ผู้นำฝ่ายสงฆ์ก่อน 








    ขอขอบพระคุณรูปภาพบรรยายกาศทั้งหมดจากท่าน ผศ.ดร.อภิพงษ์ พุฒคำ หัวหน้าโครงการ มากครับ 

    วันจันทร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

    รายวิชาศึกษาทั่วไป : ๐๐๓๕๐๐๑ หนึ่งหลักสูตรหนึ่งชุมชน ๒-๒๕๖๑ (๓) "บ่อขยะหนองปลิง"

    วันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ ระหว่างทางกลับ (จากไปเชียร์ทีมสาขาเทคโนโลยีสิ่งแวดล้อม คณะสิ่งแวดล้อมและการจัดการ จัดโครงการผสาน "บวร" บริหารจัดการขยะของชุมชน หมู่ ๑๐ อบต.ตำบลหนองแสง อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม ณ วัดบ้านโพธิ์ ของนิสิตที่ลงทะเบียนเรียนรายวิชา ๐๐๓๕๐๐๑ หนึ่งหลักสูตรหนึ่งชุมชน)  ผมแวะบ่อขยะหนองปลิง เผื่อว่าจะไปทันกิจกรรมของคณะบัญชีและการจัดการ ที่นำนิสิต ๒๐๐ คน มาทัศนศึกษาเกี่ยวกับปัญหาขยะที่บ่อขยะหนองปลิง ... นั่งคุยกับน้องหญิงคนหนึ่งจากชุมชนใกล้กองขยะอยู่นาน ... ได้ความรู้มากมาย เอามาเล่าให้ฟังครับ 

    แม้ว่าจะไม่ได้ไปขบวนทัศนศึกษา ณ สถานนีกำจัดขยะมูลฝอยเทศบาลเมืองมหาสารคาม แต่ท่านอาจารย์เบญจาและอาจารย์ฝน (fon sonthiprasat) ก็ได้แท็กรูปมาทางเฟส  (ขอถือวิสาสะนำมาเผยแพร่ที่นี่อีกช่องหนึ่งนะครับ)





    • บ่อขยะหนองปลิง เป็นเขตพื้นที่จัดการขยะของเทศบาลเมืองมหาสารคาม มีเนื้อที่ทั้งหมด ๔๙ ไร่ ตอนนี้มีปริมาณขยะสะสมสูงเป็นภูเขาย่อม ๆ อย่างที่เห็นในภาพ 
    • ทุก ๆ วัน จะมีปริมาณขยะมาจากเทศบาลประมาณ ๖๐ ตัน จากพื้นที่ใกล้เคียงอีกประมาณ ๓๐ -๔๐ ตัน รวม ๆ ก็จะประมาณ ๑๐๐ ตันต่อวัน 
    จากการสอบถามสนทนา ได้ความว่า 
    • บ่อขยะแห่งนี้ใช้วิธีการกำจัดขยะด้วยวิธีการฝังกลบ ขณะนี้มีแผนจะให้ทางเอกชนเข้ามาสร้างโรงเผาขยะ จึงไม่เห็นการฝังกลบขยะ ปริมาณขยะจึงเริ่มเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ 
    • จะมีโรงงานเผาขยะเป็นแน่ในอีก ๔-๕ ปีข้างหน้า ... แต่ปัญหาคือ ขยะ ๔ ปีนับจากนี้จะจัดการอย่างไร
    • เพราะลมไปทางทิศใด ก็จะนำกลิ่นขยะพัดไปด้วย  และเมื่อฤดูฝนมา น้ำเสียจากกองขยะก็จะเป็นปัญหาหนัก ... 

    • อาชีพเก็บขยะขาย
      • รอรถขยะมาเท 
      • เข้าไปแยกขยะรีไซเคิลมัดไว้เป็นถุง ๆ กอง ๆ ไว้   บางคนแยกระเอียดเลยเป็นถุง ๆ  บางคนแยกหยาบรวมถุงไว้ก่อน ค่อยเหมารถขนไปในที่คัดแยกละเอียดอีกครั้ง 
      • ได้ปริมาณรถเมื่อไหรก็จ้างขนไปขายโรงรับซื้อ  ... รายได้พออยู่ได้ 
      • ปัญหาคือ ต้องฝ่าความเหม็นและเสี่ยงสกปรกจากเชื่อโรค 


    • มัดไว้เป็นถุง ๆ รอนำไปจำหน่าย 


    • แยกเสร็จ เจ้าหน้าที่จะนำรถแทรคเตอร์ แมคโฮล โกยขึ้นไป รอการฝังกลบต่อไป  


    • ทำเป็นอาชีพเสริม ทำทั้งครอบครัว สืบต่อกันรุ่นสู่รุ่น (ความเคยชินทำให้ไม่รู้สึกลำบากและเหม็น) 
    • บางคนที่นี่มีชีวิตอยู่บนกองขยะมาแล้วกว่า ๓๐ ปี 
    • บางคนที่มีชีวิตอยู่กับกองขยะ สามารถส่งเสียลูกหลานเรียนสูงจนจบระดับปริญญาตรี 
    ผมถามว่า ถ้าทุกแยกขยะกันหมด  จะทำลายอาชีพนี้ไปไหม ... ได้คำตอบว่า ไม่มีทางหมด ขยะที่เห็นนำมาทิ้งให้แยกทั้งวันนี้ ได้ผ่านการแยกที่กองมาก่อน และมาแยกก่อนขึ้นรถเก็บขนอีก ขยะมาจากหลากหลายที่ ยากที่จะทำให้คนคัดแยกขยะทั้งหมด 

    ผมโยนหินว่า ถ้าทางหน่วยงานของรัฐท่ี่รับผิดชอบ สร้างโรงคัดแยกขยะที่ได้มาตรฐานขึ้น แล้วจ้างให้เข้าทำงานด้วยเงินเดือนราคาถูก จะทำหรือไม่ ... ไม่มีคำตอบจากเธอ... ผมคิดว่า เพราะเธอไม่เชื่อว่าจะผู้บริหารคนใดทำได้แบบนั้น.....