ผู้มาร่วม
สมาชิกที่มาร่วมกิจกรรมวันดีนี้ มีคร่าว ๆ ดังนี้ ... อาจมีมากกว่านี้หากสังเกตแบบครบกระบวการ (ผู้สนใจอาจติดตามรายงานโครงการจาก ผศ.ดร.อภิพงษ์ พุฒคำ หัวหน้าโปรเจ็คได้ครับ)
- ท่านเจ้าอาวาสวัดบางโพธิ์
- สาธารณสุขจังหวัดมหาสารคาม
- สิ่งแวดล้อมจังหวัด สำนักงานทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมจังหวัดมหาสารคาม (ทสจ.มหาสารคาม)
- นายก อบต.หนองแสง ผอ.กองการสาธารณสุข และทีม
- ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน อสม. (อาสาพัฒนาหมู่บ้าน)
- คุณพ่อกัมปนาท ศรีสุนทร ข้าราชการบำนาญ ปราชญ์ชาวบ้านผู้เป็นที่พึ่ง
- ชาวบ้านกว่า ๑๐๐ คน
- คณาจารย์จากสาขาวิชา จำนวน ๕-๖ ท่าน
- นิสิตกว่า ๑๐๐ คน
เป็นเวทีคืนข้อมูลสู่ชุมชนและขับเคลื่อนที่มีพลังมาก ๆ เวทีหนึ่งครับ ... เสียดายที่ผมต้องเดินทางไปร่วมค่ายชมรมตามรอยเท้าพ่อต่อจากนั้น จึงไม่ได้อยู่เรียนรู้ร่วมด้วยตลอดงาน
กระบวนการ
การบูรณาการกระบวนการศึกษาเพื่อพัฒนาชุมชน ทั้ง ๖ ขั้นตอน ได้แก่ ศึกษา วิเคราะห์ปัญหาความต้องการ วางแผนและจัดทำโครงการ ดำเนินโครงการ และ คืนข้อมูลสู่ชุมชน เป็นรูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ต้นแบบหนึ่งได้เลย ภายใต้ข้อจำกัดเรื่องงบประมาณ ระยะทางห่างไกลมหาวิทยาลัยกว่า ๔๐ กิโลเมตร และวัตถุประสงค์จะให้นิสิตทุกคนได้มีประสบการณ์ลงพื้นที่ชุมชนด้วย
มีการลงพื้นที่สำรวจข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูล สังเคราะห์ข้อมูลล่วงหน้า แล้วนำผลสรุปต่าง ๆ มานำเสนอในวันงาน ทำให้ได้ความรู้ที่สดใหม่ ใกล้ตัว
นอกจากการคืนข้อมูลแล้ว ยังมีผู้รู้ปราชญ์ชาวบ้านมาถ่ายทอดประสบการณ์ มีกิจกรรมฐานการเรียนรู้ ๔ ฐาน ได้แก่
มีการแสดงการเซิ้งขยะอีสานสามัคคี การเปิดตลาดซื้อขายวัสดุรีไซเคิล จัดทำโรงแยกขยะ และมีพิธีเปิดผ้าคลุมป้าย เปิดใช้อย่างเป็นทางการด้วย
มีการลงพื้นที่สำรวจข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูล สังเคราะห์ข้อมูลล่วงหน้า แล้วนำผลสรุปต่าง ๆ มานำเสนอในวันงาน ทำให้ได้ความรู้ที่สดใหม่ ใกล้ตัว
นอกจากการคืนข้อมูลแล้ว ยังมีผู้รู้ปราชญ์ชาวบ้านมาถ่ายทอดประสบการณ์ มีกิจกรรมฐานการเรียนรู้ ๔ ฐาน ได้แก่
- 3Rs (๓ช. คือ ใช้น้อย ใช้ซ้ำ นำกลับมา ใช้ใหม่(รีไซเคิล))
- ของเสียอันตราย
- ปุ๋ยมูลไส้เดือน
- การแยกพลาสติกขาย
มีการแสดงการเซิ้งขยะอีสานสามัคคี การเปิดตลาดซื้อขายวัสดุรีไซเคิล จัดทำโรงแยกขยะ และมีพิธีเปิดผ้าคลุมป้าย เปิดใช้อย่างเป็นทางการด้วย
ความรู้เรื่องการคัดแยกขยะ
ความรู้จาก คุณอรสา แก้วพา หัวหน้าฝ่ายส่งเสริมสุขภาพ รักษาการ ผอ.กองการสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม อบต.หนองแสง
- การบริหารจัดการขยะเป็นหน้าที่โดยตรงของ อบต. โดยกองการสาธารณสุขฯ ของ อบต.
- ตอนนี้ อบต. หนองแสงมี ๒๘ หมู่บ้าน
- การจัดการขยะแบ่งตามลักษณะพื้นที่ได้ ๒ รูปแบบ คือ
- พื้นที่กึ่งเมือง ได้แก่ พื้นที่ที่รอยต่อติดกับเทศบาลอำเภอวาปี ๑๑ หมู่บ้าน จะมีรถเก็บขนขยะจาก อบต. ไปกำจัดที่บ่อขยะหนองปลิง
- พื้นที่ชนบท ในที่นี่้ก็คือ อบต.หนองแสง ๑๗ หมู่บ้าน ไม่มีการเก็บขนขยะ ใช้วิธีการส่งเสริม รณรงค์ ให้คนในชุมชนบริหารจัดการขยะเอง โดยมีกิจกรรมต่าง ๆ จาก อบต. อย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี ๒๕๕๖ จนถึงปัจจุบัน
- ตอนนี้มีหมู่บ้านต้นแบบในการจัดการขยะด้วยตนเองแล้ว ๒ หมู่บ้าน มีกองทุนจัดการขยะแล้ว ๗ กองทุน มีการรับซื้อขยะรีไซเคิลไปขายอย่างเป็นระบบ
- หมู่บ้านต้นแบบการจัดการขยะคือ หมู่ที่ ๑๘ หมู่บ้านหนองคุไชย และหมู่ที่ ๑๙ บ้านไชยทอง ได้รับรางวัลรองชนะเลิศการบริหารจัดการขยะของจังหวัด ประจำปี ๒๕๖๐
- หมู่ที่ ๒๐ บ้านโพธิ์ ที่เป็นเป้าหมายของหลักสูตรฯ นี้ ยังไม่ได้เป็นเป้าหมายของโครงการ/กิจกรรม จาก อบต. จึงเป็นการดีที่จะได้ขยายงานต่อไป
ความรุ้จากสิ่งแวดล้อมจังหวัดมหาสารคาม
- นโยบายของจังหวัดคือ ให้จัดการขยะในครัวเรือนของตนเองก่อน อะไรที่จัดการในครัวเรือนไม่ได้ ค่อยเป็นหน้าที่ของหน่วยงานรัฐเก็บขนและกำจัดต่อไป
- ปัญหาขยะที่สำคัญของชุมชนชนบท คือ ขยะมีพิษหรือขยะอันตราย และขยะติดเชื้อ
- หากชุมชนต้องการการสนับสนุน ส่งเสริมใด ๆ สามารถเขียนโครงการเสนอไปยังสิ่งแวดล้อมจังหวัดได้
ความรู้จากนักวิชาการ คณาจารย์มหาวิทยาลัย
- ใครมีหน้าที่ต้องจัดการขยะและของเสียอันตราย .... คำตอบ คือ คนที่ก่อขยะและของเสียอันตราย ... หรือก็คือทุกคนนั่นเอง
- จากการสำรวจข้อมูลในชุมชน พบว่า คนส่วนใหญ่ตอบว่า "ชาวบ้าน"
- (ท่านอาจารย์โต๋งให้ดูคลิปนี้ครับ)
- การประเมินการพัฒนาด้านการจัดการขยะของครัวเรือน อาจแบ่งเป็น ๕ ระดับ ... ทางหลักสูตรได้มอบหมายให้นิสิตลงพื้นที่ชุมชนเข้าสัมภาษณ์ แลประเมินให้กำลังใจด้วยการมอบ "ดาว" ตามระดับคุณภาพ เป็น ๕ ระดับ ดังนี้
- มีการแยกวัสดุรีไซเคิล ให้ ๑ ดาว
- มีการแยกวัสดุอินทรีย์ เศษอาหาร หรือขยะเปียก ให้ ๑ ดาว
- มีการแยกขยะทั่วไป ให้อีก ๑ ดาว
- มีการแยกขยะมีพิษหรืออันตราย ให้อีก ๑ ดาว
- มีวิถีชีวิตลดใช้พลาสติก ให้ ๑ ดาว .... แบบนี้ให้ ๕ ดาว
- ผลการสำรวจพบว่า กว่าร้อยละ ๘๐ ของกลุ่มตัวอย่าง ได้ ๔ ดาว
- ผลสำรวจพบว่า
- ชาวบ้านกว่าร้อยละ ๙๐ บอกว่า เศษแก้วเป็นของเสียอันตราย ...ซึ่งไม่ใช่
- ชาวบ้านเข้าใจว่า หลอดไฟต้องทุบก่อนทิ้ง ... เข้าใจผิด นำไปทิ้งเลย
- ชาวบ้านเข้าใจว่า รางหลอดไฟก็เป็นของเสียอันตราย ... เข้าใจผิด รางหลอดไฟไม่ใช่ของเสียอันตราย
- ชาวบ้านเกือบทั้งหมดเข้าใจว่า ภาชนะของของเสียอันตราย ต้องล้างก่อนนำไปทิ้ง ... ซึ่งเข้าใจผิด ห้ามล้างเด็ดขาด
- ของเสียอันตราย คืออะไร มีอะไรบ้าง จะจัดการอย่างไร
- เศษแก้วเป็นของเสียอันตรายหรือไม่? .... ชาวบ้านกว่าร้อยละ ๙๐ บอกว่าเป็น แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่ (ชาวบ้านเข้าใจผิดเกือบหมด)
- ของเสียอันตราย โดยทั่วไปทางราชการจะจัดเก็บคัดแยกด้วยถังสีส้ม
- ของเสียอันตรายได้แก่ สิ่งที่เป็นอันตราย สารเคมี และภาชนะที่บรรจุของเสียอันตรายเหล่านั้น
- ของเสียอันตรายแบ่งเป็น ๓ ประเภท ได้แก่
- กลุ่มถ่ายไฟฉายและแบตเตอรี่แห้ง .... ให้นำไปทิ้งในถังส้ม (หรือถังแดง)
- กลุ่มหลอดไฟ หลอดฟลูออเรสเซนท์ สารเคมีเปียก... เพราะมีสารเคมีอันตรายอยู่ภายใน
- ยาปราบศัตรูพืช ... ห้ามล้าง ให้นำไปทิ้ง
- วิธีการดูว่าอันตรายหรือไม่ ให้ดูที่ข้างกล่อง ว่ามีสัญลักษณ์เหล่านี้อยู่หรือไม่ รูปไฟ รูปหัวกะโหลก รูปฟอง ฯลฯ
![]() |
| สารไวไฟ ติดไฟ |
![]() |
| สารอันตราย ยาปราบศัตรูพืช สารพิษ |
![]() |
| สารเคมีอันตราย |
- ขยะทั่วไป ... จากการสำรวจชาวบ้าน
- ส่วนใหญ่ใช้วิธีการเผา ประมาณร้อยละ ๖๐ ที่เหลือใช้วิธีการฝังกลบและนำไปทิ้งที่อื่น ซึ่งยังไม่ค่อยถูกหลักนัก
- การเผาจะทำให้เกิดสารพิษ ไม่ควรเผาเลย
- ควรจะลดปริมาณให้มากที่สุด ลดการใช้ถุงพลาสติก ให้ใช้ตะกร้าแทน ใช้ปินโตแทน ใช้ขวดน้ำไว้เติมได้
- ตอนมีการจัดงาน งานบุญ งานทาน งานต่าง ๆ ในสถานที่ราชการ บ้าน วัด โรงเรียน ให้รณรงค์ อย่างจริงจัง ทั้ง "บ้าน วัด โรงเรียน"
- ถ้ามีขยะแล้ว ไม่ต้องเผา และไม่ต้องฝัง แต่นำมาแยกล้างให้สะอาด ผึ่งให้แห้ง แล้วนำไปขายได้ทั้งหมด
- (อ.โต๋ง ให้ดูคลิปเครื่องล้างขยะพลาสติก)
- ส่วนคลิปด้านล่างนี้ คือ การวิจัยของ อาจารย์ที่ มทส. ในการเปลี่ยนขยะพลาสติกเป็นน้ำมัน ...สนใจเชิญดูครับ
ความรู้จากพ่อปราชญ์ประจำหมู่บ้านและท่านเจ้าอาวาส
- บ้านวัดโรงเรียนต้องมีส่วนร่วมด้วยช่วยกัน
- ท่านบอกว่าความสำเร็จเกิดได้ด้วยความร่วมมือ
- หมู่บ้านนี้ถือเป็นหมู่บ้านนักปราชญ์ มีครูกว่า ๘๐ คน ที่เป็นลูกหลานจากหมู่บ้านนี้ จากที่มีเพียงแค่ ๒๐๐ กว่าหลังคาเรือน น่าจะเป็นหมุ่บ้านที่มีลูกหลานไปเป็นครูมากที่สุดในจังหวัด
- ดังนี้จึงได้รับความร่วมมือกับชุมชนอย่างเข้มแข็ง ร่วมพลังในการทำผ้าป่าสามัคคีทีใดก็ได้รับความร่วมมือร่วมใจกันเต็มที่
แนวปฎิบัติของชุมชนที่น่าเรียนรู้












ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น