วันพฤหัสบดีที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

รายวิชาศึกษาทั่วไป : ๐๐๓๕๐๐๑ หนึ่งหลักสูตรหนึ่งชุมชน ๒-๒๕๖๑ (๔) หลักสูตรเทคโนโลยีสิ่งแวดล้อมจัดโครงการผสาน "บวร" บริหารจัดการขยะ อบต.หนองแสง

วันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ หลักสูตรเทคโนโลยีสิ่งแวดล้อม คณะการจัดการสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์ นิสิต+อาจารย์ร่วม ๑๐๐ คน เข้าพื้นที่บริการชุมชนบ้านโพธิ์กลาง อบต.หนองแสง อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม เป็นการคืนข้อมูลการศึกษาการบริหารจัดการขยะสู่ชุมชน ภายใต้ชื่อโครงการ "ผสานต้นทุนสังคมวัฒนธรรม บ้าน-วัด-โรงเรียน (บวร) เพื่อส่งเสริมกระบวนการจัดการขยะมูลฝอยและของเสียอันตรายจากชุมชน"

ผู้มาร่วม

สมาชิกที่มาร่วมกิจกรรมวันดีนี้ มีคร่าว ๆ ดังนี้ ...  อาจมีมากกว่านี้หากสังเกตแบบครบกระบวการ (ผู้สนใจอาจติดตามรายงานโครงการจาก ผศ.ดร.อภิพงษ์ พุฒคำ หัวหน้าโปรเจ็คได้ครับ)
  • ท่านเจ้าอาวาสวัดบางโพธิ์ 
  • สาธารณสุขจังหวัดมหาสารคาม
  • สิ่งแวดล้อมจังหวัด สำนักงานทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมจังหวัดมหาสารคาม (ทสจ.มหาสารคาม)
  • นายก อบต.หนองแสง  ผอ.กองการสาธารณสุข และทีม
  • ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน อสม. (อาสาพัฒนาหมู่บ้าน)
  • คุณพ่อกัมปนาท ศรีสุนทร ข้าราชการบำนาญ ปราชญ์ชาวบ้านผู้เป็นที่พึ่ง 
  • ชาวบ้านกว่า ๑๐๐ คน
  • คณาจารย์จากสาขาวิชา จำนวน ๕-๖ ท่าน 
  • นิสิตกว่า ๑๐๐ คน 
เป็นเวทีคืนข้อมูลสู่ชุมชนและขับเคลื่อนที่มีพลังมาก ๆ  เวทีหนึ่งครับ ... เสียดายที่ผมต้องเดินทางไปร่วมค่ายชมรมตามรอยเท้าพ่อต่อจากนั้น จึงไม่ได้อยู่เรียนรู้ร่วมด้วยตลอดงาน 

กระบวนการ

การบูรณาการกระบวนการศึกษาเพื่อพัฒนาชุมชน ทั้ง ๖ ขั้นตอน ได้แก่ ศึกษา วิเคราะห์ปัญหาความต้องการ วางแผนและจัดทำโครงการ ดำเนินโครงการ และ คืนข้อมูลสู่ชุมชน เป็นรูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ต้นแบบหนึ่งได้เลย ภายใต้ข้อจำกัดเรื่องงบประมาณ ระยะทางห่างไกลมหาวิทยาลัยกว่า ๔๐ กิโลเมตร และวัตถุประสงค์จะให้นิสิตทุกคนได้มีประสบการณ์ลงพื้นที่ชุมชนด้วย

มีการลงพื้นที่สำรวจข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูล สังเคราะห์ข้อมูลล่วงหน้า แล้วนำผลสรุปต่าง ๆ มานำเสนอในวันงาน ทำให้ได้ความรู้ที่สดใหม่ ใกล้ตัว

นอกจากการคืนข้อมูลแล้ว ยังมีผู้รู้ปราชญ์ชาวบ้านมาถ่ายทอดประสบการณ์ มีกิจกรรมฐานการเรียนรู้ ๔ ฐาน ได้แก่

  • 3Rs  (๓ช. คือ ใช้น้อย ใช้ซ้ำ นำกลับมา ใช้ใหม่(รีไซเคิล))
  • ของเสียอันตราย
  • ปุ๋ยมูลไส้เดือน
  • การแยกพลาสติกขาย 

มีการแสดงการเซิ้งขยะอีสานสามัคคี การเปิดตลาดซื้อขายวัสดุรีไซเคิล จัดทำโรงแยกขยะ และมีพิธีเปิดผ้าคลุมป้าย เปิดใช้อย่างเป็นทางการด้วย


ความรู้เรื่องการคัดแยกขยะ 

ความรู้จาก คุณอรสา แก้วพา  หัวหน้าฝ่ายส่งเสริมสุขภาพ รักษาการ ผอ.กองการสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม อบต.หนองแสง

  • การบริหารจัดการขยะเป็นหน้าที่โดยตรงของ อบต. โดยกองการสาธารณสุขฯ ของ อบต. 
  • ตอนนี้ อบต. หนองแสงมี ๒๘ หมู่บ้าน 
  • การจัดการขยะแบ่งตามลักษณะพื้นที่ได้ ๒ รูปแบบ คือ 
    • พื้นที่กึ่งเมือง ได้แก่ พื้นที่ที่รอยต่อติดกับเทศบาลอำเภอวาปี  ๑๑ หมู่บ้าน  จะมีรถเก็บขนขยะจาก อบต. ไปกำจัดที่บ่อขยะหนองปลิง 
    • พื้นที่ชนบท ในที่นี่้ก็คือ อบต.หนองแสง ๑๗ หมู่บ้าน  ไม่มีการเก็บขนขยะ ใช้วิธีการส่งเสริม รณรงค์ ให้คนในชุมชนบริหารจัดการขยะเอง โดยมีกิจกรรมต่าง ๆ จาก อบต. อย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี ๒๕๕๖ จนถึงปัจจุบัน 
  • ตอนนี้มีหมู่บ้านต้นแบบในการจัดการขยะด้วยตนเองแล้ว ๒ หมู่บ้าน มีกองทุนจัดการขยะแล้ว ๗ กองทุน มีการรับซื้อขยะรีไซเคิลไปขายอย่างเป็นระบบ 
  • หมู่บ้านต้นแบบการจัดการขยะคือ หมู่ที่ ๑๘ หมู่บ้านหนองคุไชย และหมู่ที่ ๑๙ บ้านไชยทอง ได้รับรางวัลรองชนะเลิศการบริหารจัดการขยะของจังหวัด ประจำปี ๒๕๖๐
  • หมู่ที่ ๒๐ บ้านโพธิ์ ที่เป็นเป้าหมายของหลักสูตรฯ นี้  ยังไม่ได้เป็นเป้าหมายของโครงการ/กิจกรรม จาก อบต. จึงเป็นการดีที่จะได้ขยายงานต่อไป 
ความรุ้จากสิ่งแวดล้อมจังหวัดมหาสารคาม
  • นโยบายของจังหวัดคือ ให้จัดการขยะในครัวเรือนของตนเองก่อน อะไรที่จัดการในครัวเรือนไม่ได้ ค่อยเป็นหน้าที่ของหน่วยงานรัฐเก็บขนและกำจัดต่อไป 
  • ปัญหาขยะที่สำคัญของชุมชนชนบท คือ ขยะมีพิษหรือขยะอันตราย และขยะติดเชื้อ
  • หากชุมชนต้องการการสนับสนุน ส่งเสริมใด ๆ  สามารถเขียนโครงการเสนอไปยังสิ่งแวดล้อมจังหวัดได้ 
ความรู้จากนักวิชาการ คณาจารย์มหาวิทยาลัย 
  • ใครมีหน้าที่ต้องจัดการขยะและของเสียอันตราย   ....   คำตอบ คือ  คนที่ก่อขยะและของเสียอันตราย ... หรือก็คือทุกคนนั่นเอง 
  • จากการสำรวจข้อมูลในชุมชน พบว่า คนส่วนใหญ่ตอบว่า "ชาวบ้าน"
  • (ท่านอาจารย์โต๋งให้ดูคลิปนี้ครับ)
  • การประเมินการพัฒนาด้านการจัดการขยะของครัวเรือน อาจแบ่งเป็น ๕ ระดับ  ... ทางหลักสูตรได้มอบหมายให้นิสิตลงพื้นที่ชุมชนเข้าสัมภาษณ์ แลประเมินให้กำลังใจด้วยการมอบ "ดาว" ตามระดับคุณภาพ เป็น ๕ ระดับ ดังนี้ 
    • มีการแยกวัสดุรีไซเคิล ให้ ๑ ดาว 
    • มีการแยกวัสดุอินทรีย์ เศษอาหาร หรือขยะเปียก ให้ ๑ ดาว
    • มีการแยกขยะทั่วไป ให้อีก ๑ ดาว 
    • มีการแยกขยะมีพิษหรืออันตราย ให้อีก ๑ ดาว 
    • มีวิถีชีวิตลดใช้พลาสติก ให้ ๑ ดาว  ....  แบบนี้ให้ ๕ ดาว 
  • ผลการสำรวจพบว่า กว่าร้อยละ ๘๐ ของกลุ่มตัวอย่าง  ได้ ๔ ดาว 
  • ผลสำรวจพบว่า 
    • ชาวบ้านกว่าร้อยละ ๙๐ บอกว่า เศษแก้วเป็นของเสียอันตราย  ...ซึ่งไม่ใช่ 
    • ชาวบ้านเข้าใจว่า หลอดไฟต้องทุบก่อนทิ้ง  ... เข้าใจผิด นำไปทิ้งเลย 
    • ชาวบ้านเข้าใจว่า รางหลอดไฟก็เป็นของเสียอันตราย ... เข้าใจผิด รางหลอดไฟไม่ใช่ของเสียอันตราย 
    • ชาวบ้านเกือบทั้งหมดเข้าใจว่า ภาชนะของของเสียอันตราย ต้องล้างก่อนนำไปทิ้ง ... ซึ่งเข้าใจผิด ห้ามล้างเด็ดขาด 
  • ของเสียอันตราย  คืออะไร มีอะไรบ้าง จะจัดการอย่างไร  
    • เศษแก้วเป็นของเสียอันตรายหรือไม่?  ....  ชาวบ้านกว่าร้อยละ ๙๐ บอกว่าเป็น แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่  (ชาวบ้านเข้าใจผิดเกือบหมด)
    • ของเสียอันตราย โดยทั่วไปทางราชการจะจัดเก็บคัดแยกด้วยถังสีส้ม 
    • ของเสียอันตรายได้แก่  สิ่งที่เป็นอันตราย สารเคมี และภาชนะที่บรรจุของเสียอันตรายเหล่านั้น 
    • ของเสียอันตรายแบ่งเป็น ๓ ประเภท ได้แก่ 
      • กลุ่มถ่ายไฟฉายและแบตเตอรี่แห้ง ....  ให้นำไปทิ้งในถังส้ม (หรือถังแดง)
      • กลุ่มหลอดไฟ หลอดฟลูออเรสเซนท์ สารเคมีเปียก... เพราะมีสารเคมีอันตรายอยู่ภายใน
      • ยาปราบศัตรูพืช ... ห้ามล้าง ให้นำไปทิ้ง 
    • วิธีการดูว่าอันตรายหรือไม่ ให้ดูที่ข้างกล่อง ว่ามีสัญลักษณ์เหล่านี้อยู่หรือไม่  รูปไฟ รูปหัวกะโหลก รูปฟอง ฯลฯ

สารไวไฟ ติดไฟ

สารอันตราย ยาปราบศัตรูพืช สารพิษ

สารเคมีอันตราย 
  • ขยะทั่วไป ... จากการสำรวจชาวบ้าน 
    • ส่วนใหญ่ใช้วิธีการเผา ประมาณร้อยละ ๖๐ ที่เหลือใช้วิธีการฝังกลบและนำไปทิ้งที่อื่น  ซึ่งยังไม่ค่อยถูกหลักนัก 
    • การเผาจะทำให้เกิดสารพิษ ไม่ควรเผาเลย  
    • ควรจะลดปริมาณให้มากที่สุด ลดการใช้ถุงพลาสติก ให้ใช้ตะกร้าแทน ใช้ปินโตแทน ใช้ขวดน้ำไว้เติมได้ 
    • ตอนมีการจัดงาน งานบุญ งานทาน งานต่าง ๆ ในสถานที่ราชการ บ้าน วัด โรงเรียน ให้รณรงค์ อย่างจริงจัง ทั้ง "บ้าน วัด โรงเรียน"
    • ถ้ามีขยะแล้ว ไม่ต้องเผา และไม่ต้องฝัง แต่นำมาแยกล้างให้สะอาด ผึ่งให้แห้ง  แล้วนำไปขายได้ทั้งหมด 
    • (อ.โต๋ง ให้ดูคลิปเครื่องล้างขยะพลาสติก)

    • ส่วนคลิปด้านล่างนี้ คือ การวิจัยของ อาจารย์ที่ มทส. ในการเปลี่ยนขยะพลาสติกเป็นน้ำมัน ...สนใจเชิญดูครับ 


ความรู้จากพ่อปราชญ์ประจำหมู่บ้านและท่านเจ้าอาวาส
  • บ้านวัดโรงเรียนต้องมีส่วนร่วมด้วยช่วยกัน
  • ท่านบอกว่าความสำเร็จเกิดได้ด้วยความร่วมมือ 
  • หมู่บ้านนี้ถือเป็นหมู่บ้านนักปราชญ์ มีครูกว่า ๘๐ คน ที่เป็นลูกหลานจากหมู่บ้านนี้ จากที่มีเพียงแค่ ๒๐๐ กว่าหลังคาเรือน  น่าจะเป็นหมุ่บ้านที่มีลูกหลานไปเป็นครูมากที่สุดในจังหวัด 
  • ดังนี้จึงได้รับความร่วมมือกับชุมชนอย่างเข้มแข็ง ร่วมพลังในการทำผ้าป่าสามัคคีทีใดก็ได้รับความร่วมมือร่วมใจกันเต็มที่ 
แนวปฎิบัติของชุมชนที่น่าเรียนรู้

  • มีการจุดธูปเทียน กราบไหว้ สวดมนต์ บูชาพระรัตนตรัยก่อน เริ่มพิธิี
  • เริ่มกล่าวแนะนำประธานฝ่ายสงฆ์ หรือ ผู้นำฝ่ายสงฆ์ก่อน 








ขอขอบพระคุณรูปภาพบรรยายกาศทั้งหมดจากท่าน ผศ.ดร.อภิพงษ์ พุฒคำ หัวหน้าโครงการ มากครับ 

วันจันทร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

รายวิชาศึกษาทั่วไป : ๐๐๓๕๐๐๑ หนึ่งหลักสูตรหนึ่งชุมชน ๒-๒๕๖๑ (๓) "บ่อขยะหนองปลิง"

วันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ ระหว่างทางกลับ (จากไปเชียร์ทีมสาขาเทคโนโลยีสิ่งแวดล้อม คณะสิ่งแวดล้อมและการจัดการ จัดโครงการผสาน "บวร" บริหารจัดการขยะของชุมชน หมู่ ๑๐ อบต.ตำบลหนองแสง อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม ณ วัดบ้านโพธิ์ ของนิสิตที่ลงทะเบียนเรียนรายวิชา ๐๐๓๕๐๐๑ หนึ่งหลักสูตรหนึ่งชุมชน)  ผมแวะบ่อขยะหนองปลิง เผื่อว่าจะไปทันกิจกรรมของคณะบัญชีและการจัดการ ที่นำนิสิต ๒๐๐ คน มาทัศนศึกษาเกี่ยวกับปัญหาขยะที่บ่อขยะหนองปลิง ... นั่งคุยกับน้องหญิงคนหนึ่งจากชุมชนใกล้กองขยะอยู่นาน ... ได้ความรู้มากมาย เอามาเล่าให้ฟังครับ 

แม้ว่าจะไม่ได้ไปขบวนทัศนศึกษา ณ สถานนีกำจัดขยะมูลฝอยเทศบาลเมืองมหาสารคาม แต่ท่านอาจารย์เบญจาและอาจารย์ฝน (fon sonthiprasat) ก็ได้แท็กรูปมาทางเฟส  (ขอถือวิสาสะนำมาเผยแพร่ที่นี่อีกช่องหนึ่งนะครับ)





  • บ่อขยะหนองปลิง เป็นเขตพื้นที่จัดการขยะของเทศบาลเมืองมหาสารคาม มีเนื้อที่ทั้งหมด ๔๙ ไร่ ตอนนี้มีปริมาณขยะสะสมสูงเป็นภูเขาย่อม ๆ อย่างที่เห็นในภาพ 
  • ทุก ๆ วัน จะมีปริมาณขยะมาจากเทศบาลประมาณ ๖๐ ตัน จากพื้นที่ใกล้เคียงอีกประมาณ ๓๐ -๔๐ ตัน รวม ๆ ก็จะประมาณ ๑๐๐ ตันต่อวัน 
จากการสอบถามสนทนา ได้ความว่า 
  • บ่อขยะแห่งนี้ใช้วิธีการกำจัดขยะด้วยวิธีการฝังกลบ ขณะนี้มีแผนจะให้ทางเอกชนเข้ามาสร้างโรงเผาขยะ จึงไม่เห็นการฝังกลบขยะ ปริมาณขยะจึงเริ่มเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ 
  • จะมีโรงงานเผาขยะเป็นแน่ในอีก ๔-๕ ปีข้างหน้า ... แต่ปัญหาคือ ขยะ ๔ ปีนับจากนี้จะจัดการอย่างไร
  • เพราะลมไปทางทิศใด ก็จะนำกลิ่นขยะพัดไปด้วย  และเมื่อฤดูฝนมา น้ำเสียจากกองขยะก็จะเป็นปัญหาหนัก ... 

  • อาชีพเก็บขยะขาย
    • รอรถขยะมาเท 
    • เข้าไปแยกขยะรีไซเคิลมัดไว้เป็นถุง ๆ กอง ๆ ไว้   บางคนแยกระเอียดเลยเป็นถุง ๆ  บางคนแยกหยาบรวมถุงไว้ก่อน ค่อยเหมารถขนไปในที่คัดแยกละเอียดอีกครั้ง 
    • ได้ปริมาณรถเมื่อไหรก็จ้างขนไปขายโรงรับซื้อ  ... รายได้พออยู่ได้ 
    • ปัญหาคือ ต้องฝ่าความเหม็นและเสี่ยงสกปรกจากเชื่อโรค 


  • มัดไว้เป็นถุง ๆ รอนำไปจำหน่าย 


  • แยกเสร็จ เจ้าหน้าที่จะนำรถแทรคเตอร์ แมคโฮล โกยขึ้นไป รอการฝังกลบต่อไป  


  • ทำเป็นอาชีพเสริม ทำทั้งครอบครัว สืบต่อกันรุ่นสู่รุ่น (ความเคยชินทำให้ไม่รู้สึกลำบากและเหม็น) 
  • บางคนที่นี่มีชีวิตอยู่บนกองขยะมาแล้วกว่า ๓๐ ปี 
  • บางคนที่มีชีวิตอยู่กับกองขยะ สามารถส่งเสียลูกหลานเรียนสูงจนจบระดับปริญญาตรี 
ผมถามว่า ถ้าทุกแยกขยะกันหมด  จะทำลายอาชีพนี้ไปไหม ... ได้คำตอบว่า ไม่มีทางหมด ขยะที่เห็นนำมาทิ้งให้แยกทั้งวันนี้ ได้ผ่านการแยกที่กองมาก่อน และมาแยกก่อนขึ้นรถเก็บขนอีก ขยะมาจากหลากหลายที่ ยากที่จะทำให้คนคัดแยกขยะทั้งหมด 

ผมโยนหินว่า ถ้าทางหน่วยงานของรัฐท่ี่รับผิดชอบ สร้างโรงคัดแยกขยะที่ได้มาตรฐานขึ้น แล้วจ้างให้เข้าทำงานด้วยเงินเดือนราคาถูก จะทำหรือไม่ ... ไม่มีคำตอบจากเธอ... ผมคิดว่า เพราะเธอไม่เชื่อว่าจะผู้บริหารคนใดทำได้แบบนั้น.....

วันศุกร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

ร่วมด้วยช่วยพัฒนาชุมชนต้นแบบ (๑) : เทศบาลตำบลท่าขอนยาง: (๑) การบริหารจัดการขยะ_๐๒: การประชุม (ว่าที่) อนุกรรมการพัฒนาระบบบริหารจัดการปัญหาขยะของเทศบาลฯ

วันนี้ (วันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒) มีการประชุมกลุ่มย่อย (ว่าที่) คณะอนุกรรมการพัฒนาระบบบริหารจัดการขยะของเทศบาลตำบลท่าขอนยาง สืบเนื่องตามมติที่ประชุมคณะทำงานบริหารจัดการขยะมูลฝอยและสิ่งปฏิกูลของเทศบาลฯ (ผมเขียนรายงานไว้ในบันทึกแรก...คลิกที่นี่) ... คณะกรรมการชุดนี้ยังไม่ได้มีหนังสือแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ และอาจจะมีคณะทำงานท่านอื่น ๆ อีก มากกว่าที่จะมาร่วมในวันนี้

ทุกอย่างเรียบง่ายและมีพลังมาก ๆ เมื่อนายกเทศมนตรีท่านเอาจริงเอาจังเรื่องนี้ มาลุยทำนำประชุมด้วยตนเอง สมาชิกที่มาระดมสมองกำหนดแผนปฏิบัติวันนี้ เป็นบุคคล ๒ กลุ่ม ๔ ทีม
  • กลุ่มที่ ๑ คือบุคลากรของเทศบาลฯ (๕ ท่านจากทั้งหมดที่นี่)
    • นายกเทศมนตรีฯ นายสมชาติ บุตราช 
    • ปลัดเทศบาลฯ นายมานพ นนศรีลาด 
    • รองปลัดเทศบาลฯ ดร.ศศิธร ดีระดา
    • ผอ.กองการสาธารณสุขฯ ผอ.สุดา เหล่าโผน
    • นักวิชาการคอมพิวเตอร์ปฏิบัติการ นางสาวอรพรรณ ภูผิวเมฆ 
  • กลุ่มที่ ๒ คณาจารย์จากมหาวิทยาลัยมหาสารคาม 
    • ดร. ธนายุทธ ไชยธงรัตน์ ผู้ช่วยคณบดีฝ่ายวิจัยและบริการวิชาการ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์  ท่านทำทางวิศวกรรมโยธา 
    • อาจารย์ประสิทธิ์ สว่างศรี สถาปัตยกรรมเมืองและชุมชน ออกแบบชุมชนเมือง คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ 
    • อาจารย์เมทินี โคตรดี ภูมิสถาปัตยกรรม และ บริหารจัดการสิ่งแวดล้อม 
    • อาจารย์กฤต จันทรสมัย คณะวิศวกรรมอุตสาหการ  ท่านทำวิจัยเรื่องเส้นทางการขนส่ง
    • อาจารย์ ดร.สริญญา ศาลางาม คณะวิศวกรรมศาสตร์ (ท่านติดภารกิจสำคัญ และผมเองประสานท่านไปกระชั้นเกินไป)
    • ดร.ฤทธิไกร ไชยงาม รองผู้อำนวยการสำนักศึกษาทั่วไป ในฐานะผู้ประสานงานรายวิชาหนึ่งหลักสูตรหนึ่งชุมชน 
  • ๔ ทีมได้แก่ ๑) ทีมเทศบาลนำโดยท่านนายกฯ ๒) ทีมสถาปัตย์ ท่านมีแผนจะมาออกแบบ ทำวิจัย และพัฒนาชุมชนรอบมหาวิทยาลัยอย่างจริงจัง ๓) ทีมจากวิศวะ ท่านจะมาออกแบบ วิจัย และพัฒนาเส้นทางการเก็บขนขยะของเทศบาลฯ และ ๔) ทีมประสานการรับรู้ไปสู่นิสิต โดยใช้กลไกของรายวิชาศึกษาทั่วไป 
การประชุมดำเนินไปด้วยความเข้มข้น เพราะเป็นครั้งแรกที่คณาจารย์จากทั้ง ๓ คณะและหลากหลายสาขา ได้มาเจอกัน และเพิ่งจะประชุมร่วมกับทีมทางเทศบาลฯ จึงใช้เวลาแชร์ข้อมูล ความเป็นมา และความก้าวหน้าต่าง ๆ ก่อนจะเริ่มระดมสมองกันว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป 




สรุปประเด็นหลัก ๆ และความก้าวหน้าสำคัญ ๆ ได้ดังนี้ครับ 
  • วันที่ ๒๖-๒๗ ก.พ. นี้ เราจะได้แผนที่จากการประปาส่วนภูมิภาค สาขามหาสารคาม ซึ่งเมื่อวานนี้ ทีมสถาปัตย์และ ผอ.สุดา ได้ลงพื้นที่ไปยื่นขอแล้ว 
  • แผนการดำเนินการของอนุกรรมการชุดนี้ แบ่งเป็นคร่าว ๕ ขั้นตอนหลัก ได้แก่ ง
    • ๑) ศึกษาสำรวจข้อมูล มี ๓ ขั้นตอนย่อย ได้แก่
      • เตรียมการลงสำรวจ ต้องเตรียมสิ่งต่าง ๆ ต่อไปนี้  
        • แผนที่(เดินดิน)ละเอียด ฉบับการประปา (ทีมสถาปัตย์)
        • เส้นทางการสำรวจ (เส้นทางที่พบขยะ ทั้งที่เก็บขนและไม่ได้เก็บขน) (ทีมวิศวะ)
        • ผู้สำรวจ (คือ นิสิต)
        • ผู้สนับสนุนหรือช่วยเหลือและประชาสัมพันธ์ก่อนลงสำรวจ  (ทีมเทศบาล)
        • แบบสอบถาม 
    • ๒) ออกแบบและวางแผน ... ทีมคณะอนุกรรมการฯ 
    • ๓) ดำเนินการ คือ เก็บขนตามแผน กำจัดขยะเปียกตามแผน รณรงค์ สร้างการรับรู้ ฯลฯ
    • ๔) ประเมินผล... ทีมเทศบาลฯ และทีมสถาปัตย์
    • ๕) รายงานผล... ทีมเทศบาลฯ และทีมสถาปัตย์
  • ปัจจุบันเส้นทางการเก็บขนขยะของเทศบาล แบ่งเป็น ๓ โซน ดังแผนภาพ  เราจะเริ่มกันศึกษาสำรวจ Zone 3 ก่อน 
  • เราแบ่งงานกันดังนี้ครับ 
    • ทีมคณาจารย์สถาปัตย์ จะเป็นผู้ออกแบบรายละเอียดงานการสำรวจ และออกแบบสอบถาม น่าจะได้ข้อมูลในวันที่ ๒๖-๒๗ กุมภาพันธ์นี้ 
    • ทีม อ.กฤต จะพานิสิต ลงพื้นที่ Mapping GPS ตามเส้นทางเก็บขนขยะในโซนที่ ๓ ภายในวันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ นี้ 
    • ทั้งสองทีมจะนำข้อมูลมารวมกัน และหารือวางแผนการลงพื้นที่ร่วมกันในวันที่ ๒๗ ในที่ประชุมทีม (เทศบาลฯ)
    • วันที่ ๒๘ เวลา ๑๗.๐๐ น.  เราจะนัดหมายและซักซ้อมวิธีการลงพื้นที่สำรวจ และรายละเอียดของแบบสอบถาม กับนิสิตที่กำลังเรียนวิชา ๐๐๓๖๐๐๖ ภาวะผู้นำ จำนวนประมาณกว่า ๑๐๐ คน ณ ห้อง AR201 
    • ช่วงวันที่ ๑-๓ มีนาคม ทีมนิสิตผู้สำรวจจะลงพื้นที่สำรวจ โดยกรอกข้อมูลแบบสอบถามผ่านระบบอินเตอร์เน็ตด้วย Google Form 
    • วันที่ ๘ มีนาคม  เพื่อดูผลการวิเคราะห์ข้อมูลจากทีมวิจัยของสถาปัตย์ครับ 

ผมรู้สึกมีพลัง รู้สึกขอบคุณทีมเทศบาลและคณาจารย์ทุกท่าน ทั้งทางคณะสถาปัตย์กรรมศาสตร์ ที่กำหนดนโยบายที่จะมาช่วยวิจัยและพัฒนาปัญหานี้ ขอบคุณ อ.กฤต และ อ.หริน ที่แม้จะไม่ได้มา แต่ก็อาสาว่าอยากจะมาช่วย ขอขอบคุณท่านนายกฯ ผอ.สุดา และปลัดมานพ ที่ไว้ใจและให้โอกาสคณาจารย์ได้เข้ามามีส่วนร่วมกับงานของเทศบาลฯ 

วันศุกร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

ร่วมด้วยช่วยพัฒนาชุมชนต้นแบบ (๑) : เทศบาลตำบลท่าขอนยาง: (๑) การบริหารจัดการขยะ_๐๑: การประชุมระดมสมองกำหนดแนวทางการจัดการขยะของสภาเทศบาลตำบทท่าขอนยาง

วันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ มีโอกาสได้เข้าร่วมประชุมพิเศษของสภาเทศบาลตำบลท่าขอนยาง เขตเทศบาลที่มีประชากรแฝงกว่า ๓ หมื่นคนจากมหาวิทยาลัยมหาสารคาม เป็นการประชุมระดมสมองเพื่อกำหนดแนวทางในการจัดการขยะอย่างเป็นระบบ โดยมีนายอำเภอกันทรวิชัยเป็นประธาน และมีหลายฝ่ายมาร่วมประชุม สำคัญ ๆ ดังนี้
  • นายอำเภอกันทรีวิชัย 
  • นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลท่าขอนยาง พร้อมทีมงานผู้บริหารและบุคลากรของเทศบาลฯ 
  • สมาชิกสภาพเทศบาลฯ นำโดยประธานสภาฯ
  • ทองถิ่นอำเภอกันทรีวิชัย 
  • ปลัดเทศบาลฯ
  • ตัวแทนผู้บริหารจากมหาวิทยาลัยมหาสารคาม
  • เครือข่ายสภาฮักแพงเมิ่งแยงคนมหาสารคาม 
  • กำนัน 
  • ผู้ใหญ่บ้าน
  • ฯลฯ
เป็นการประชุมที่ครบถ้วนเชิงโครงสร้างบริหารชุมชนครั้งหนึ่งที่เคยได้เข้าร่วม 



๑) นโยบายจากนายอำเภอ


ก่อนจะเริ่มการประชุม ท่านนายอำเภอได้แจ้งเพื่อทราบและมอบนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล สำคัญ ๆ ๓ ประเด็น ได้แก่ 
  • รัฐบาลมีนโยบายเร่งรัด "แผนปฏิบัติการ ๖๐ วันแยกก่อนทิ้ง" โดยเริ่มตั้งแต่ ๙ มกราคม ๒๕๖๒ เนื่องจากการขับเคลื่อนเรื่องการจัดการขยะของกระทรวงมหาดไทยที่ประกาศใช้มา ๓ ปีนั้น ไม่ก้าวหน้าเท่าที่ควร จึงได้มอบหมายให้ผู้นำทุกจังหวัด ทุกอำเภอลงพื้นที่ขับเคลื่อนกันอย่างจริงจัง  เพราะขณะนี้ปัญหาขยะเริ่มกระทบการท่องเที่ยว สุขภาพ และสิ่งแวดล้อมแล้ว
  • แนวปฏิบัติที่กำหนดจากกระทรวงมหาดไทย ที่มอบให้กรมการปกครองมาดำเนินการตามลำดับขั้น มีดังนี้ 
    • ศึกษาสภาพปัญหาและการจัดการขยะของแต่ละพื้นที่เป็นอย่างไร 
    • ให้แบ่งเป็นกลุ่ม ๆ  (Cluster) หรือ คลัสเตอร์  
    • ให้แต่ละกลุ่มไปกำหนดหาวิธีการ แล้วกำหนดเป็นนโยบายและแผนของแต่ละคลัสเตอร์ 
      • จังหวัดมหาสารคามแบ่งเป็น ๕ กลุ่ม กลุ่มที่ ๑ ที่เทศบาลเมืองมหาสารคาม อำเภอแกดำ และอำเภอกันทรวิชัย ซึ่งทั้งสามแห่งนี้ ปัจจุบันเก็บขนขยะไปทิ้งที่บ่อขยะหนองปลิง
    • ให้นำแผนการจัดการขยะของแต่ละคลัสเตอร์เสนอต่อกระทรวงต่อไป 
      • คลัสเตอร์ที่ ๑ ที่กันทรวิชัยอยู่นั้น ได้กำหนดแนวทางแล้วว่า ให้เอกชนเข้ามาสร้างโรงงานสร้างไฟฟ้าจากเตาเผาขยะ (มอบเอกชน ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์) 
      • ขยะในเขตอำเภอเมือง แกดำ และกันทรวิชัย ส่งไปเข้าโรงงานต่อไป
  • ปัญหาคือ ในระยะเวลาระหว่างการก่อสร้างโรงเผาขยะ ๓-๔  ปีนี้  เราจะจัดการขยะอย่างไร  เป็นโจทย์หลักของการประชุมระดมสมองในวันนี้ 
    • เราจะทำอย่างไรให้เกิดขยะน้อยที่สุด เพื่อลดภาระด้านการขนย้าย 
      • รัฐบาลส่งเสริมให้ใช้ 3Rs เรียกว่า "สามอาร์ประชารัฐ" หรือ "๓ช." คือ ใช้น้อย ใช้ใหม่ และใช้ซ้ำ 
      • บางหมู่บ้างทำสำเร็จโดยการทำถังหมักครัวเรือน คือแยกขยะเปียกไปทำปุ๋ย 
      • บาง อบต. มอบหมายกำหนดไม่ให้มีถังขยะเลย ไม่มีเก็บขนขยะ ... ซึ่งหากนำไปเผาสู่บรรยากาศ อาจเกิดสารพิษ และก๊าซเรือนกระจกได้ 
      • บาง อบต. จัดบริเวณที่ทิ้งขยะในพื้นที่สาธารณะ ซึ่งไม่ถูกต้อง จะเกิดปัญหาในอนาคต
      • ฯลฯ 
    • เราจะมีมาตรการอย่างไรให้กระบวนการเก็บขนและกำจัดขยะมีประสิทธิภาพที่สุด 
      • บางแห่ง ใช้ถังขยะสีต่าง ๆ แยกเช่น ถังเหลืองขยะรีไซเคิล ถังน้ำเงินขยะทั่วไป ฯลฯ 
      • บางแห่ง ให้ใช้เชือกฟางสีเป็นสัญลักษณ์ มัดปากถุง 
      • ฯลฯ 
    • เราจะสร้างการรับรู้และสร้างจิตสำนึกต่อการคัดแยกและจัดการขยะได้อย่างไร 
๒) แจ้งเพื่อทราบข้อมูลและสภาพปัญหา

ก่อนจะเริ่มระดมสมอง นายยกเทศมนตรีได้ให้โอกาสผมนำเสนอผลการศึกษาและการดำเนินการของรายวิชา ๐๐๓๕๐๐๑ หนึ่งหลักสูตรหนึ่งชุมชน ในภาคเรียนที่ ๑ - ๒๕๖๑ ที่ผ่าน ... ด้วยเวลาที่จำกัดจึงนำเสนอได้เพียงบางส่วนของผลงานนิสิตจากหลักสูตร EIC จากคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ บางส่วนดังคลิบด้านล่าง 





และได้นำเสนอข้อมูลการก่อขยะในแต่ละวันที่สูงถึง ๓๐ ตัน ซึ่งเก็บขนได้ไม่หมด จึงก่อปัญหาขยะสะสม  สาเหตุปัญหาหลัก 
  • ปัญหาน้ำหนักของขยะ ส่วนใหญ่มาจากขยะเปียก เช่น เศษอาหาร น้ำหวานหรือน้ำจากน้ำแข็งในแก้วพลาสติที่ไม่เทก่อนทิ้ง ฯลฯ 
  • ร้านอาหาร ร้านค้า ร้านเครื่องดื่ม (กากกาแฟ เปลือกผลไม้) 
  • ขยะจากหอพัก 
  • ไม่มีการแยกขยะก่อนทิ้ง 
  • คนไม่มีจิตสำนึกในการจัดการขยะ
ผศ.ดร.ชลธี โพธิ์ทอง ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายประชาสัมพันธ์และกิจการต่างประเทศ ได้นำเสนอข้อมูลการจัดการขยะภายในพื้นที่มหาวิทยาลัยต่อที่ประชุม  
  • นิสิตที่อยู่ในมหาวิทยาลัยมีประมาณ ๔๕,๐๐๐ คน 
  • ในมหาวิทยาลัยมีโรงคัดแยกขยะภายใน จากการเก็บข้อมูลที่่ผ่านมาพบว่า 
    • ในแต่ละวันจะมีขยะประมาณ ๘-๑๐ ตันต่อวัน
    • ขยะพลาสติก ๔๐ เปอร์เซ็นต์
    • ขยะอินทรีย์ ๒๐ เปอร์เซ็นต์
    • อื่นๆ ๔๐ เปอร์เซ็นต์
  • นโยบายที่มหาวิทยาลัยดำเนินการอยู่ 
    • ลดขยะจากต้นทางร้านค้า  ร้านขายน้ำ-กาแฟ  ถ้านำแก้วมาเองจะได้ลด ๕ บาทต่อแก้ว 
    • ร้านสะดวกซื้อภายในมหาวิทยาลัย ไม่ให้ใช้ถุงพลาสติก 
    • โครงการขยะแลกไข่ที่ได้จากฟาร์มหาวิทยาลัย 
    • โครงการธนาคารขยะในหอพักมหาวิทยาลัย 
๔) ระดมสมองการจัดการขยะในเขตเทศบาล

ฝ่ายเลขาฯ ได้ทำตุ๊กตา แนวปฏิบัติและมาตรการที่จะดำเนินการต่อที่ประชุม ให้ที่ประชุม 

  • การบริหารจัดการขยะมูลฝอยชุมชน
    • แต่งตั้งคณะทำงานทุกภาคส่วน ทั้งฝ่ายอำนวยการ ฝ่ายปฏิบัติการ และฝ่ายประเมินผล 
    • ยกร่างเทศบัญญัติการจัดการสิ่งปฏกูลและขยะมูลฝอย พ.ศ. ๒๕๖...  
      • เก็บค่าจัดการขยะ ครัวเรือนละ ๒๐ บาท ร้านค้าก็ ๒๐ บาท กระทรวงมหาดไทยได้มอบหมายให้มาทำเทศบัญญัติเป็น ๑๕๐ บาทต่อครัวเรือน ขณะนี้ยังไม่สำเร็จ 
    • ส่งเสริมการเรียนรู้สร้างจิตสำนึก
      • จัดอบรมบุคลากร ผู้นำชุมชน ผู้ประกอบการร้านค้า ชาวบ้าน นิิสิต ฯลฯ 
    • ประกาศเส้นทางจัดเก็บขยะมูลฝอย (เป้าหมายคือ ไม่ให้ขยะตกค้าง)
      • ทุกจุดวางหน้าบ้านก่อน ๗.๐๐ น. 
      • กำหนดเส้นทางการเก็บขน ๔ เส้น 
    • เพิ่มพื้นที่จัดการขยะ ๒๕ จุด (ยังไม่ได้ทำ)
    • กิจกรรมรณรงค์ส่งเสริม
      • ทำผ้าป่ารีไซด์เคิล 
    • ฯลฯ
  • การบันทึกข้อมูลและรายงานผล 
  • การนำขยะกลับมาใช้ใหม่ 
    • ส่งเสริมให้ความรู้
    • ส่งเสริมการทำปุ๋ยหมักจากมูลใส้เดือน 
    • นำขยะเปียกไปทำปุ๋ยหมัก 
ตัวแทนจากโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ
  • ลดขยะจากต้นทาง 
    • หลีกเลี่ยงไม่ให้ใช้พลาสติกและโฟม 
    • น้ำมันเก่าแลกน้ำมันใหม่ 
    • ให้ใช้ภาชนะที่ไม่ก่อขยะ  เช่น  เบรคต่าง ๆ ในที่ประชุม ให้ใช้ภาชนะที่ย่อยสลายได้ 
  • เทศบาลฯ หมู่ ๒ ตอนนี้กำลังจะทำ "ผ้าป่าขยะ" 
    • ให้ทุกคนเอาขยะรีไซเคิลมาบริจาค 
    • นำขยะไปขาย 
    • นำเงินที่ได้ไปทำบุญ 
ท่านนายกเทศมนตรีฯ
  • แยกขยะอินทรีย์ก่อน 
    • เตรียมถังทิ้งขยะอินทรีย์ตามจุดต่าง ๆ 
    • เก็บขนทุกวัน 
    • นำไปทำปุ๋ย ณ บริเวณที่เทศบาลฯ 
      • ขุดหลุมขนาด กว้าง ๒ เมตร ยาว ๔ เมตร  ซึ่งต้องผ่านการประชาคมของหมู่บ้าน ... หากไม่ผ่านจริง ๆ อาจจะใช้พื้นที่อื่นที่เทศบาลดูแล 
      • เอาขยะเปียกที่ได้ไปทิ้งและฝังกลบทุกวัน (เป็นชั้น ๆ)  รดด้วยจุลินทรีย์ชีวภาพ เช่น น้ำหมักจาก พ.ด. ๑ เพื่อกำจัดกลิ่น ฯลฯ  เมื่อเต็มแล้วจึงย้ายไปหลุมใหม่ 
      • หมักไว้นาน ๓ เดือน จึงนำมาผลิตเป็นปุ๋ยสำหรับนำไปใช้ประโยชน์ต่อไป 
    • เริ่มดำเนินการหมู่ที่ ๒ เป็นตัวอย่างก่อน แล้วขยายผลไปสู่พื้นที่อื่นต่อไป 
ประธานสภาเทศบาล
  • ลดขยะจากผู้ประกอบการ เช่น 
    • ร้านค้า ร้านขายของชำ ไม่ให้ใช้ถุงพลาสติก 
    • ร้านอาหารห้ามใช้โฟม 
  • ลดขยะจากชุมชน 
    • ให้มหาวิทยาลัยและ อสม. เข้าไปช่วยส่งเสริมหรือทำเป็นตัวอย่างในการจัดการขยะในครัวเรือน ทุกชุมชน 
สมากชิกต่าง ๆ เสนอ
  • อยากให้มีการศึกษาและสำรวจแหล่งก่อขยะอย่างเป็นระบบ 
    • Mapping เขียนแผนที่การเกิดและการไหล (flow) ของขยะ 
    • ทำแผนที่เส้นทางและตารางการเก็บขนขยะ เพื่อสื่อสารอย่างชัดเจน 
ปลัดเทศบาลฯ 
  • สร้างเครือข่ายการจัดการขยะเปียกจากผู้ทีต้องการเศษอาหารไปเลี้ยงสัตว์ หรือ "ถังข้าวหมู" 
    • ประสานให้ร้านอาหารแยกเศษอาหารที่สามารถเลี้ยงสัตว์ได้ออกจากขยะเปียกทั่วไป 
    • ติดต่อให้ผู้เลี้ยงสัตว์ (เลี้ยงหมู) มารับ "ถังข้าวหมู" 
ที่ปรึกษานายกเทศมนตรีฯ
  • ซื้อถุงช่วยแยกขยะประเภทต่าง ๆ นำไปให้ (ขายให้) ร้านค้า ร้านอาหาร เพื่อส่งเสริมการคัดแยกจากขยะจากร้านค้า และช่วยลดปริมาณ (ทิ้งมาก ต้องซื้อถุงจากเทศบาลมาก)
ตัวแทนสภาฮักแพง
  • เก็บข้อมูลการก่อขยะอย่างเป็นระบบและเก็บละเอียด 
    • ตำบลสีสุข เป็นตัวอย่างที่ดีในการคัดแยกขยะและเก็บข้อมูล 
    • แยกเป็น ๒ ส่วน คือ ประชากรหลัก และประชากรแฝง  
    • กำหนดจุดทิ้งขยะอย่างเป็นระบบ เป็นจุด ๆ สอดคล้องกับเส้นทางการเก็บขน 
ผมเสนอ 
  • ตั้งคณะอนุกรรมการดำเนินการเรื่องนี้ขึ้นมา โดยมีคีย์สำคัญ ๆ ของแต่ละหน่วยปฏิบัติการเข้ามาเป็นกรรมการ 
    • ท่านนายกฯ อาจจะเป็นประธานเอง โดยมีปลัดเทศบาลฯ เป็นเลขาฯ 
    • มีบุคลากรจากเทศบาลเป็นทีมเลขาฯ 
    • มีตัวแทนมหาวิทยาลัยฝ่ายต่าง ๆ สำคัญ ๆ ดังนี้ 
      • ตัวแทนผู้บริหารมหาวิทยาลัย  ... น่าจะเป็นผู้ช่วยอธิการ 
      • ผู้ประสานงานรายวิชาหนึ่งหลักสูตรหนึ่งชุมชน .... ผมเอง
      • ตัวแทนนักวิชาการจากคณะการจัดการสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์
    • มีตัวแทนผู้นำชุมชน คือ กำนันทุกตำบล 
    • มีตัวแทนจากภาคประชาสังคม ...เครือข่ายฮักแพง เมิ่งแงงคนมหาสารคาม 
    • ฯลฯ 
  • คณะอนุกรรมการฯ นี้ ทำหน้าที่ดังนี้ 
    • ศึกษาสำรวจข้อมูลอย่างเป็นระบบ
    • ร่างแผนปฏิบัติการและออกแบบวิธีการดำเนินการในการบริหารจัดกรขยะ 
      • ทุกหน่วยงานองค์กรต้องแยกขยะอย่างจริงจัง (ต้องทำด้วยตนเองก่อน)
      • ทำแผนที่การก่อขยะและเส้นทางการเก็บขนขยะที่ชัดเจน 
      • นำเสนอแผนให้กรรมการบริหารจัดการขยะหรือสภาเทศบาลพิจารณาอนุมัติ กำหนดเป็นแผนปฏิบัติ 
    • อบรม พัฒนา บุคลากร สื่อสาร สร้างการรับรู้ต่อคนในชุมชน  
      • สื่อสารวิธีการที่กำหนดให้ทุกคนรับรู้ตรงกัน ดำเนินการตามแผนงานอย่างสอดคล้องกัน 
      • เทศบาลกำหนดและประกาศเทศบัญญัติ และสื่อสารกับห้างร้าน ผู้ประกอบการต่าง ๆ 
      • มหาวิทยาลัยสื่อสาร รณรงค์ และสร้างกลไกให้นิสิตในหอพักแยกและจัดการขยะอย่างจริงจัง 
      • เทศบาลเก็บขนขยะทั่วไปและขยะรีไซเคิล กำจัดกขยะเปียกตามแผน 
      • ฯลฯ 
    • ประเมินผล 
      • จัดเก็บข้อมูลการก่อขยะ การเก็บขนขยะ และการกำจัดขยะ อย่างต่อเนื่อง 
      • จัดทำรายงานการบริหารจัดการขยะของเทศบาล 
      • นำเสนอต่อกรรมการชุดใหญ่เพื่อให้ประเมินผลลัพธ์ต่อไป 
ตัวแทนโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ
  • ทุกหน่วยงานดำเนินการจัดการขยะอย่างเป็นระบบ 
    • ขณะนี้ รพสต. ได้ดำเนินการส่งเสริมไม่ให้ใช้ภาชนะจากพลาสติก ให้ใช้ตระกล้าแทน ไม่จำเป็นไม่ก่อขยะ 
ผอ.กองสาธารณสุข 
  • แหล่งกำเนิดขยะหลักเลยคือหอพัก หากนิสิตคัดแยกขยะได้ เทศบาลกำหนดจุดทิ้งขยะไปเก็บขน จะสามารถช่วยได้มาก 

๕) นายอำเภอสรุป

นายอำเภอสรุปเป็นหลักการในการจัดการขยะดังนี้
  • ต้องมีการศึกษาและจัดเก็บข้อมูล ต้องมีการทำข้อมูลอย่างเป็นระบบ 
    • ทำผังการเกิดขยะ Mapping ปริมาณการก่อขยะ
    • ถอดบทเรียนความสำเร็จจากชุมชนที่ทำแล้วได้ผล เพื่อนำมาขยายผล
  • ต้องมีแผนปฏิบ้ัติงาน ออกแบบวิธีการอย่างเชื่อมโยง 
    • มีแผนที่เส้นทางเก็บขนขยะและจุดทิ้งขยะชัดเจน
    • ฯลฯ
  • ต้องมีกิจกรรมหรือมาตรการต่าง ๆ  ได้แก่ 
    • บ่อดินฝังกลับปุ๋ยหมัก 
    • เครือข่าย "ถังข้าวหมู" 
    • ผ้าป่าขยะ 
    • กิจกรรมรณรงค์ สร้างจิตสำนึกต่าง ๆ 
    • ฯลฯ
  • ประเมินผล 
    • ให้ตรวจสอบจากปริมาณขยะที่นำไปทิ้งที่บ่อขยะหนองปลิง และปริมาณขยะสะสมที่เหลือ 
ท่านนายอำเภอให้แนวทางว่า ในทางปฏิบัติจะตั้งอนุกรรมการขึ้นมาหรือไม่อย่างไร หรือจะมีผู้ประกอบการมาร่วมอย่างไรให้ทีมทำงานไปหารือกันต่อและปฏิบัติได้เลย 

ผมเสนอกับท่านปลัดเทศบาลฯ ซึ่งเป็นแม่งานหลักในฝ่ายปฏิบัติการว่า ท่านสามารถตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาและเชิญประชุมได้เลย เพื่อกำหนดแผนการลงพื้นที่เก็บข้อมูลเพื่อมาทำ Mapping ข้อมูลขยะ และถ้าดำเนินการได้ทัน อาจนำข้อมูลมานำเสนอในที่ประชุมสภาฯ ต่อไป 

วันพฤหัสบดีที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

รายวิชาศึกษาทั่วไป : ๐๐๓๕๐๐๑ หนึ่งหลักสูตรหนึ่งชุมชน ๒-๒๕๖๑ (๒) "บันทึกการก่อขยะและการจัดการขยะ"

การจัดการเรียนรู้รายวิชา ๐๐๓๕๐๐๑ หนึ่งหลักสูตรหนึ่งชุมชน ภาคเรียนที่ ๒-๒๕๖๑ นี้ เนื่องจากมีนิสิตลงทะเบียนเรียนกว่า ๗,๐๐๐ คน ทีมผู้ประสานงานและอาจารย์ผู้สอน จึงใช้วิธีเปิดสื่อวีดีทัศน์การบรรยายพิเศษซึ่งบันทึกในสตูดิโอ (ชั่วคราว) ในชั้นเรียน แทนการจัดบรรยายในห้องประชุมใหญ่ดังที่ทำในภาคเรียนที่ผ่าน ๆ มา  นิิิสิตที่ต้องการดูซ้ำอีกครั้งสามารถเปิดจากลิงค์ด้านล่างนี้ตามลำดับ

บทที่ ๑ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม  (ความเป็นมาของจังหวัดมหาสารคามและมหาวิทยาลัยมหาสารคาม)


บทที่ ๒ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม "บทบาทของมหาวิทยาลัยในการรับใช้ชุมชนและสังคม" : โครงการหนึ่งหลักสูตรหนึ่งชุมชน


บทที่ ๓ การศึกษาเพื่อพัฒนาชุมชน (เครื่องมือและเทคนิคการศึกษาชุมชน)


คลิปเพิ่มเติมเกี่ยวกับการจัดการขยะในชุมชนรอบ ๆ มหาวิทยาลัย 


บทที่ ๑ - ๓ จะมีการทดสอบความรู้ความจำและความรู้ความเข้าใจ โดยใช้ข้อสอบกลางภาคเรียน โดยจะคิดเป็นร้อยละ ๓๐ ของคะแนนประเมินผลทั้งหมด ส่วนการส่งเสริมการจัดการขยะในชุมชน จะประเมินผลด้วยการให้นิสิตบันทึกข้อมูลการก่อขยะและการจัดการขยะของตนเองรายสัปดาห์ ต่อเนื่องอย่างน้อย ๑๐ สัปดาห์ คิดเป็นร้อยละ ๑๐ ของคะแนนทั้งหมด 

หลักคิดและกระบวนการในการจัดการขยะ

หลักคิดและหลักปฏิบัติในการในการจัดการกับของเหลือใช้ แสดงไว้ดังภาพด้านล่าง โดยใช้คำสื่อสารว่า "กระบวนการ 8R" 




โปรแกรมบันทึกการก่อขยะและการจัดการขยะ (โปรแกรมการบริหารจัดการขยะ)

ร.ต.กฤษฎา ศักดิ์คำดวง หัวหน้ากลุ่มงานสารสนเทศ สำนักศึกษาทั่วไป ได้พัฒนา Web Application ขึ้นเพื่อให้นิสิตที่ลงทะเบียนเรียนทุกคนในภาคเรียนนี้ บันทึกข้อมูลการก่อขยะของตนเอง และได้เขียนแนวปฏิบัติ ๘ ขั้นตอนในการกรอกข้อมูล (กรอกข้อมูลรายสัปดาห์ สัปดาห์ละ ๑ ครั้ง)











นิสิตสามารถเข้าสู่ระบบบริหารจัดการขยะได้ทางเว็บไซต์ของรายวิชาที่นี่  หรือดูคลิปการสาธิตได้ด้านล่าง 


หากนิสิตมีข้อสงสัยหรือปัญหาใด ๆ  อยากจะสอบถาม ให้ติดต่อเข้าเป็นสมาชิก Line(square) โดยเข้ามาในกลุ่มด้วยคิวอาร์โค๊ดด้านล่าง 


ขอจบบันทึกที่นี่ครับ สวัสดีครับ

วันพุธที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

รายวิชาศึกษาทั่วไป : ๐๐๓๕๐๐๑ หนึ่งหลักสูตรหนึ่งชุมชน ๒-๒๕๖๑ (๑) "ชุมชนต้นแบบ"

ปีการศึกษานี้ ในฐานะผู้ประสานงานรายวิชา ๐๐๓๕๐๐๑ หนึ่งหลักสูตรหนึ่งชุมชน ผมมีโอกาสได้เข้าไปร่วมเป็นกรรมการบริหารงานบริการวิชาการของมหาวิทยาลัยมหาสารคาม (ตามคำสั่งนี้ , ) จึงมีโอกาสได้รับรู้และเรียนรู้เกี่ยวกับกรอบแนวทางและแผนปฏิบัติการงานบริการวิชาการของมหาวิทยาลัยด้วย

เป้าหมายของแผนงานบริการวิชาการ ของมหาวิทยาลัยระยะ ๕ ปี ต่อแต่นี้ (พ.ศ.๒๕๖๓ - ๒๕๖๗) คือ "ชุมชนต้นเแบบ" โดยนิยามความหมายว่า "ชุมชนที่สามารถพัฒนาและพึ่งพาตนเองได้ จนนำมาสู่ความเข้มแข็งของชุมชนและสามารถเป็นพื้นที่ (ต้นแบบ) สำหรับการเรียนรู้หรือขยายผลไปยังชุมชนอื่นได้ " ... ดังนั้น สิ่งที่เป็นหน้าที่สำคัญที่สำนักศึกษาทั่วไปควรมีส่วนเป็นผู้รับผิดชอบหลักคือ ทำอย่างไรชุมชนรอบมหาวิทยาลัยจะ "ชุมชนต้นแบบ" ในด้านสิ่งแวดล้อมได้ และถ้าจะเริ่มลุยพัฒนา สำนักศึกษาทั่วไป ควรจะเป็นเจ้าภาพขับเคลื่อนให้มหาวิทยาลัยเป็นชุมชนต้นแบบด้านใด 

จากการสำรวจและศึกษาปัญหาของชุมชนรอบมหาวิทยลัยที่ใกล้ตัวที่สุดมี ๓ ประการ คือ ๑) ปัญหาเรื่องขยะ ๒) ปัญหาน้ำเสีย และ ๓) ปัญหาการจราจรและอุบัติเหตุ หลังจากลงพื้นที่และวิเคราะห์ปัญหาเราตัดสินใจว่า ปัญหาขยะคือสิ่งที่รายวิชาหนึ่งหลักสูตรหนึ่งชุมชนสมควรจะขับเคลื่อนมากที่สุด (ดูผลการศึกษาปัญหานี้ที่นี่ )  ปัญหาน้ำเสียเร่งด่วนน้อยกว่าแม้จะส่งผลกระทบต่อคนในชุมชนรอบมหาวิทยาลัยมากกว่า ปัญหาอุบัติเหตุและการจราจรรอบมหาวิทยาลัยเร่งด่วนที่สุด ส่งผลต่อชีวิตและทรัพยสินของนิสิตมากที่สุด แต่บริบทของรายวิชาไม่น่าจะแก้ไขได้อย่างเป็นรูปธรรมนัก 

ในการประชุมอาจารย์ผู้สอนรายวิชาหนึ่งหลักสูตรหนึ่งชุมชน ประจำปีการศึกษาที่ ๒-๒๕๖๒ (๒๐ ธันวาคม ๒๕๖๑) ได้มีมติสำคัญ ๆ ๓ ประการ ที่เกี่ยวข้องกับการขับเคลื่อนนี้  ได้แก่ 
  • ประเด็น "การแก้ปัยหาขยะ" เป็นประเด็นทางเลือกที่แนะนำสำหรับ การจัดการเรียนการสอนแบบใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem-based Learning: PBL) หรือใช้โครงการเป็นฐาน (Project-based Learning:PBL) ... แม้ได้ได้เป็นประเด็นร่วมหรือประเด็นหลักให้ทุกสาขาวิชาดำเนินการร่วมกัน (ไม่ได้บังคับเป็นกลไก) แต่ก็ถือว่าเป็นก้าวสำคัญก้าวหนึ่งในการขับเคลื่อน
  • ให้สำนักศึกษาทั่วไป เป็นผู้ประสานงานความร่วมมือกับเครือข่ายชุมชนและสังคมทั้ง ๕ ด้าน ได้แก่ หน่วยงานรัฐ ผู้นำชุมชน หน่วยงานเอกชน ภาคประชาสังคม และองค์ทางศาสนา
  • ให้ออกแบบหลักสูตรอบรมหรือพัฒนาอาจารย์ด้านการศึกษาชุมชนเป็นระดับ ๆ  ตามประสบการณ์การศึกษาชุมชนและประสบการณ์การสอนในรายวิชาหนึ่งหลักสูตรหนึ่งชุมชน 
แม้ว่า "การจัดการขยะ" จะเป็นเพียงประเด็นแนะนำ ไม่ได้กำหนดให้ทุกหลักสูตรต้องทำเป็น PBL เนื่องเพราะรายวิชาหนึ่งหลักสูตรหนึ่งชุมชนให้ความสำคัญกับการนำเอาองค์ความรู้ในหลักสูตรไปใช้  แต่ในที่ประชุมอาจารย์ผู้ประสานงานรายวิชา ได้บรรจุให้ "การจัดการขยะ" เป็นกิจกรรมเสริมหลักสูตรหนึ่งที่นิสิตที่ลงทะเบียนเรียนทุกคนได้ช่วยกันแยกขยะด้วยตนเอง โดยมีแผนการจัดการเรียนรู้ดังภาพ 


ภาคการศึกษานี้ มีนิสิตลงทะเบียนเรียนกว่า ๗,๗๐๐ คน ถ้าทุกคนลดปริมาณการก่อขยะ และจัดการขยะอย่างต่อเนื่อง (อย่างน้อย ๒ เดือน) น่าจะเห็นการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นพอสมควร ... น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญอย่างหนึ่งในการเชิญชวนให้นิสิตมาช่วยกันแก้ปัญหาขยะรอบ ๆ มหาวิทยาลัย ... ก้าวไปสู่ความฝัน "ชุมชนต้นแบบ" ต่อไป